“ซูเปอร์โพล” แนะยุทธศาสตร์ “ล้มและลุกทันที” เผยผลสำรวจปากท้องหลังโควิด ประชาชนหวังรัฐบูมสินค้าเกษตร-ผ่อนชำระหนี้



วันนี้ (16 พ.ค.64) นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง “ปากท้องวันนี้ ปากท้องหลังโควิด” กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,382 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 8-15 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา

จากการสำรวจพบว่าปากท้องวันนี้ในมุมของประชาชน ผลสำรวจพบส่วนใหญ่หรือ 80.6% ขอรัฐบาลบูม ส่งเสริมสินค้าเกษตร รองลงมาคือ 78.0% ต้องการให้รัฐบาลออกมาตรการผ่อนผันการชำระหนี้ในระบบ เช่น ธนาคารและสถาบันการเงินต่างๆ , 74.4% ต้องการมาตรการเยียวยา เช่น ลดค่าไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเทอร์เน็ต และอื่นๆ , 73.0% ต้องการให้เจ้าสัว ผู้ประกอบการ ลดราคาอาหารและสินค้าจำเป็น

ทั้งนี้ที่น่าสนใจ คือ ส่วนใหญ่หรือ 68.6% ต้องการรัฐบาลช่วยแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ หามือปราบหนี้นอกระบบมาสร้างผลงานช่วงวิกฤตชาติลดความเดือดร้อนปลอดจากอำนาจมืด และ 64.0% ต้องการให้รัฐบาลกระจายที่ทำกิน ลดความเหลื่อมล้ำ เป็นธรรมทั่วถึง ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนหลังโควิด พบว่า ส่วนใหญ่หรือ 77.5% หวังให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางและฐานผลิตอาหารปลอดสารพิษ รองลงมาคือ 74.4% ต้องการให้ประเทศไทยกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวพลิกฟื้นเศรษฐกิจปากท้องนำชีวิตชีวาของประชาชนกลับมา , 66.1% คาดหวังว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวรวดเร็ว และ 63.1% ระบุประเทศไทยจะกลายเป็นศูนย์กลางและฐานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค

นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือ 79.5% ระบุมีความหวังจะลุยไปข้างหน้าค่อนข้างมาก ถึง มากที่สุด ในขณะที่ 16.4% ระบุปานกลาง และ 4.1% ระบุค่อนข้างน้อยถึงไม่มีความหวังเลย

นายนพดล กล่าวว่า ผลสำรวจนี้ชี้ให้เห็นชัดเจนว่า ประเทศชาติและประชาชนยังมีทางออกที่ดีหลายทางโดยข้อมูลที่ค้นพบสามารถจำแนกออกให้เห็นได้ว่าคนส่วนใหญ่ยังมีความหวัง หลังโควิดที่จะลุยกันต่อไปข้างหน้า ด้วยความหวังในมาตรการต่างๆ ของรัฐ ใน 3 กลุ่ม

กลุ่มที่ 1 คือ การเยียวยาเร่งด่วน แก้ปัญหาบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ให้ครอบคลุมและทั่วถึงในกลุ่มต่างๆเพื่อพยุงให้ยืนได้ก่อนกลับมาเดินหน้ากันต่อ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องผ่านแรงเสียดทานของอารมณ์ความรู้สึกและความพึงพอใจที่หลากหลาย ที่ต้องการความร่วมมือจากภาคเอกชนอย่างมา

กลุ่มที่ 2 คือ การช่วยเหลือแก้ปัญหายาดำเดิมในสังคม ที่บั่นทอนความรู้สึกเหลื่อมล้ำเป็นธรรมในสังคม เช่น ปัญหาหนี้นอกระบบ  ที่ดินทำกิน ราคาพืชผลการเกษตร และสิ่งค้างคาใจอื่น ๆ ที่ประชาชนอยากปฏิรูปในเรื่องใกล้ตัวมากกว่า

กลุ่มที่ 3 คือ เป้าหมายที่ชัดเจนของประเทศและความตั้งใจจริงของรัฐบาลในการขับเคลื่อน เช่น การเป็นศูนย์กลางและฐานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า  การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว การเป็นประตูอาเซียน และการเป็นศูนย์กลางการเกษตรปลอดสารพิษ เป็นต้น ซึ่งหากมีสนับสนุนและมีความชัดเจนจากรัฐ มันคือหัวรถจรวดกำลังแรงที่จะฉุดประเทศให้เปลี่ยนแปลงอย่างโดดเด่น

“การสะท้อนของประชาชนผ่านผลโพลถึงความหวังทั้ง 3 กลุ่ม จะเห็นว่าในวิกฤตยังมีโอกาส และในโอกาสนี้ยังเป็นความหวังของทุกคนที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงประเทศ และพัฒนาการของคุณภาพชีวิตโดยรวมที่ดีขึ้น ในขณะที่เรากำลังปัดป้องตั้งรับจากโรคระบาดด้วยความกลัวและขัดแย้งกันอยู่ ในเวลาเดียวกัน เราต่างไม่หยุดคิดและจินตนาการตัวเราและสังคมไทยในอนาคตอย่างมีความหวังร่วมกัน ต้องช่วยกันจบโรคระบาดให้เร็วที่สุดและพร้อมจะรวมพลังขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าอย่างถูกทิศทางและเป็นประโยชน์ร่วมกัน ขอเพียงความจริงใจและความมุ่งมั่นที่ชัดเจนจากรัฐบาล เชื่อว่าเราทุกคนทุกภาคส่วนพร้อมใช้ยุทธศาสตร์ “ล้มและลุกทันที” เมื่อเราล้มแล้วพยุงกันลุกพร้อมจับมือเดินหน้าลุยไปด้วยกัน” นายนพดล กล่าว