ชู  “อาสาสมัครกระทรวงศึกษาธิการ” ช่วย พัฒนาการศึกษาระหว่างสถานศึกษา ครู ผู้ปกครอง ชุมชน 



  • “อส.ศธ.” ประโยชน์ 2 เด้ง
  • ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ
  • ช่วยพัฒนาศักยภาพของเด็กและเยาวชน

 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากที่ประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้วในปี 2564 ที่ผ่านมา และคาดว่าในปี 11 ปีข้างหน้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 28% ของประชากรทั้งประเทศซึ่งถือเป็นสังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด รัฐบาลได้กำหนดนโยบายและแผนงาน กิจกรรมของหน่วยงานต่างๆ เพื่อรองรับกับสภาวการณ์ดังกล่าว ตั้งแต่ระดับยุทธศาสตร์ชาติ แผนปฏิบัติการด้านผู้สูงอายุระยะที่3 (พ.ศ.2566-2580) ผลักดันทั้งการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ รวมถึงดำเนินการเชิงรุกเตรียมการสำหรับผู้มีอายุ 25-59 ปีในปัจจุบันที่เป็นผู้สูงอายุใน 1-35 ปีข้างหน้า

ทั้งนี้ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการกำลังจะดำเนินโครงการอาสาสมัครกระทรวงศึกษาธิการ (อส.ศธ.) ซึ่งจะเป็นโครงการระยะ 3-6 เดือนข้างหน้าของปี 2566 โครงการนี้จะเป็นการดึงศักยภาพความรู้ความสามารถของผู้สูงอายุกลุ่ม ครูเกษียณอายุราชการ กลุ่มผู้เชี่ยวชาญทางวิชาชีพ เข้ามาร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานต่างๆ ในการพัฒนาและสร้างองค์ความรู้ให้กับคนทุกช่วงวัยในระดับพื้นที่ผ่านกิจกรรมต่างๆ

สำหรับภารกิจของ อส.ศธ.มีอย่างเช่นการเป็นครูอาสาสมัครจิตอาสา เพื่อพัฒนาการศึกษาระหว่างสถานศึกษา ครู ผู้ปกครอง ชุมชนและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ในการฟื้นฟูภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนทุกระดับ ช่วยในการพัฒนาศักยภาพของเด็กและเยาวชน การฝึกทักษะของคนในชุมชน การเป็นวิทยากรในศูนย์ฝึกอบรบฝีมือแรงงาน ของกระทรวงแรงงาน เป็นต้น โดยกระทรวงศึกษาธิการจะประกาศรายละเอียดโครงการและเปิดรับสมัคร อส.ศธ. ผ่านระบบออนไลน์ต่อไป มีเป้าหมายผู้สมัครเป็นครูเกษียณอายุ ผู้เชี่ยวชาญทางวิชาชีพต่างๆ จำนวน 30,000 คน ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ

“โครงการ อส.ศธ. จะช่วยดึงศักยภาพของผู้สูงอายุที่มีอยู่สูงมากด้วยประสบการณ์ทั้งมิติชีวิตและการทำงาน มาเสริมสร้างการพัฒนาคนในช่วงวัยอื่นๆ และยังช่วยให้กลุ่มผู้สูงอายุที่ร่วมโครงการมีความสุข รู้สึกมีคุณค่าจากการได้ทำประโยชน์ให้สังคม และเป็นโอกาสที่จะเกิดงานใหม่ๆ ระหว่างร่วมและหลังการร่วมโครงการ โดยกระทรวงศึกษาธิการจะส่งเสริมให้มี อส.สธ. ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ”