ชาวนาไทยจนสุดในอาเซียน ต้องขายที่นาปลดหนี้ “จนเพิ่มหนี้ท่วม”

ม.หอการค้าไทย แถลง “บทวิเคราะห์ 10 ปี ชาวนาไทย จนเพิ่มหนี้ท่วม”ระบุชาวนาไทยจนสุดในอาเซียน ผลผลิตต่อไร่ต่ำ ปลดหนี้ด้วยการขายที่นา

  • นโยบายแทรกแซงราคาของรัฐบาลไม่สามารถทําให้รายได้ของชาวนาไทยเพิ่มขึ้นได้
  • ฝากรัฐบาลใหม่ดูแลการพัฒนาคุณภาพ การเพิ่มผลผลิต และการลดต้นทุนอย่างจริงจัง

นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อํานวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลง “บทวิเคราะห์ 10 ปี ชาวนาไทย จนเพิ่มหนี้ท่วม” ว่า จากบทวิเคราะห์ พบว่า ชาวนาไทยจนที่สุดในอาเซียน โดยพิสูจน์แล้วว่านโยบายในการแทรกแซงราคาของรัฐบาลที่ผ่านมาไม่สามารถทําให้รายได้ของชาวนาไทยเพิ่มขึ้นได้ และขอฝากให้รัฐบาลใหม่ดูแลในเรื่องของการพัฒนาคุณภาพ การเพิ่มผลผลิต และการลดต้นทุนอย่างจริงจัง

นายอัทธ์กล่าวว่า ช่วง 10 ปีที่ผ่านมาผลผลิตข้าวไทยลดลง รายได้ และเงินคงเหลือของชาวนาไทยน้อยกว่าคู่แข่งและต้นทุนการผลิตของไทยเพิ่มขึ้นรองจาก อินเดีย ต้นทุนการผลิตของชาวนาไทย ในปี 2565 มีต้นทุนการผลิต 5,898.5 บาท/ไร่ เพิ่มขึ้น 2,058.8 บาท/ไร่ จากปี 2555 ส่วนรายได้ของชาวนาไทยลดลง 777.7 บาท/ไร่ โดยในปี 2565 ชาวนาไทยมีรายได้ 3,900.3 บาท/ไร่ น้อยกว่าในปี 2555 ที่มีรายได้ 4,678.0 บาท/ไร่   ในปี 2555 ชาวนาไทยมีเงินคงเหลือ 838.3 บาท/ไร่ แต่ปี 2565 ชาวนามีเงินขาดทุน 1,998.2 บาท/ไร่ ซึ่ง

“ช่วง10 ปี ผลผลิตข้าวต่อไร่ของไทยต่ำกว่าของเวียดนาม 3 เท่า ชาวนาไทยมีอาชีพทํานา แต่ส่วนใหญ่ไม่ใช่ชาวนามืออาชีพ ชาวนาไทยปลดหนี้โดยขายที่นา ชาวนาไทยขาดทุนสะสมจากการทํานา ต้องขายที่นา และเช่าที่นาตัวเองเพื่อทําการเกษตรต่อ นโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมาไม่สามารถปลดหนี้ให้กับชาวนาไทยได้ แหล่งน้ำไม่พร้อม และปัญหาโลกร้อน เงินวิจัยน้อย ไทยใส่เงิน 200 ล้านบาทใน การวิจัยแต่เวียดนามใส่เงิน 3,000 ล้านบาท นโยบายการแทรกแซงตลาด ทําลายศักยภาพการแข่งขัน ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาข้าวอย่างแท้จริง

ขณะเดียวกันข้าวไทยไม่ตอบโจทย์ผู้บริโภคสมัยใหม่ พฤติกรรมของผู้บริโภคที่ เปลี่ยนไปหันไปรักสุขภาพมากขึ้นและข้าวหอม และนุ่มโดยเอกลักษณ์ข้าวไทยลดน้อยถอยลง มีการปลอมปน และเร่งการผลิตบนที่ดินที่ขาดคุณภาพ