“ชวน”อบรมตร.สภา แนะทำหน้าที่เข้มงวดไม่ต้องเกรงใจใคร ชี้ปัญหาเกิดจากคนติดตามชอบอวดเบ่ง

  • ส.ส.มักจะระวังตัวเพราะมาจากเลือกตั้ง
  • ย้ำสภาเป็นที่รับร้องทุกข์ต้องอำนวยความสะดวก-ป้องกันเหตุร้าย

วันที่ 8 มิ.ย.64 เมื่อเวลา11.00น.ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ให้โอวาทกับเจ้าหน้าตำรวจรัฐสภาในช่วงหนึ่งว่าการปกครองของประเทศไทยมี3ฝ่ายคืออำนาจบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ ซึ่งพวกเรา อยู่ในฝ่ายนิติบัญญัติ ที่ต้องออกฎหมายให้คนทั้ง ประเทศปฏิบัติตาม ดังนั้นเราต้องเป็นตัวอย่างในการเคารพกฎหมาย กฎเกณฑ์ของบ้านเมือง และทุกคนต้องอยู่ใต้กฎหมายที่เท่าเทียมกัน ซึ่งเราก็เห็นกันอยู่ว่าเรา ปกครองด้วยคนดีหรือด้วยกฎหมาย ความจริงเป็นเรื่องที่ต้องการทั้งคนดี และกฎหมาย เพราะลำพังคนดีไม่พอเพราะคนอาจจะเปลี่ยนได้ พอมีผลประโยชน์เข้ามาก็เปลี่ยน รักประชาธิปไตยแต่โกงเลือกตั้งซื้อเสียง ก็ไม่ใช่นัก ประชาธิปไตยเหมือนทุกวันนี้

นายชวน กล่าวต่อว่าดังนั้นฝ่ายนิติบัญญัติซึ่งเป็นฝ่ายที่พวกเราทำหน้าที่ อยู่ ตนขอให้พวกเราได้ศึกษาเรียนรู้ เพราะแม้จะไม่ใช่ส.ส. แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของสถาบันนี้ก็ต้องรู้ว่ากระบวนการทำงานเป็นอย่างไร และขอให้ทุกคนรู้ว่าทุกองค์กรมีคนดี และไม่ดีเสมอ คนดีปกครองบ้านเมืองก็เคารพกติกา คนไม่ดีปกครองบ้านเมืองก็ทุจริตโกงกินก็มีให้เห็นอยู่ ดังนั้นเราต้องไม่เหมาว่าไม่ดีทั้งหมด เจ้าหน้าที่ตำรวจสภาก็จะเจอกับคนหลายกลุ่มโดยเฉพาะส.ส.โดยทั่วไปคนที่มาจากการเลือกตั้งไม่ใช่มาได้ง่ายๆและคนที่ได้รับเลือกจากประชาชนก็มาจากที่ต่างๆกัน จึง ยากแนะนำว่าโดยทั่วไปส.ส.ก็ระมัดระวัง ตนรู้ดีเพราะหากเขามีอะไรที่เป็นข่าวขึ้นมาเขาก็เสียหาย ชาวบ้านรู้ก็จะไม่เลือกเขา ดังนั้นนักการเมืองก็จะระวังไม่ทำอะไรที่ผิด หรืออื้อฉาวไม่ดี

นายชวน กล่าวว่าแต่ที่เราเจอบ่อยคือผู้ติดตามบางทีบัตรอนุญาตทำหาย บางทีเป็นคนนอกเอาบัตรมาใช้ ดังนั้นเราต้องเข้มกันมากไม่เช่นนั้นจะมีปัญหา ถ้ามีการแลกบัตรก็ต้องให้เอาบัตรมาเปลี่ยน เพราะการที่เราอนุญาตบางคนให้เข้ามาในนี้ก็ต้องใช้ที่จอดรถ และมาปะปนกับคนในสภา และตอนนี้เป็นช่วงของสถานการณ์โควิด19 ก็ต้องคุมเข้มมากๆเพื่อลดความหนาแน่นของคนในสภา และเพื่อช่วยให้ความเสี่ยงของการติดเชื้อลดน้อยลง เราจึงต้องมีมาตรการพิเศษ ดังนั้นพวกเราที่เจอปัญหาเพราะนักการเมืองบางคนอาจจะไม่รู้ เพราะเดิมเคยพาผู้ติดตามมาเยอะแต่ตอนนี้พามาได้คนเดียว

“จะแนะนำส่วนตัวคือพวกเราก็ทำหน้าที่ของตัวเองไม่ต้องเกรงใจใคร ขอให้รักษาระเบียบวินัยให้ดี และขอให้ทำหน้าที่อย่างจริงจังแต่สุภาพ พูดจากับเขาดีๆ ใครทำอะไรไม่ถูกต้องก็พูดแนะนำเขาดีๆ ผมเคยแนะนำพวกเราไปว่าคนที่เข้ามาแล้วไม่มีหน้ากากอนามัยก็ไม่ให้เข้า ต้องกลับไปเอาที่บ้านเพราะเขาต้องรับผิดชอบตัวเอง เพราะสิ่งที่ใหญ่ที่สุดคือความรับผิดชอบของแต่ละคน เพราะขณะนี้บ้านเมืองของเรามีปัญหาในเรื่องนี้

ดังนั้นพวกเราซึ่ง ทำงานในเรื่องระเบียบวินัยจำเป็น ที่จะต้องเข้มงวด ผมขอให้กำลังใจพวกเราอย่าไปทำหน้าที่ผิด มารยาท หรือเกินหน้าที่ แต่อย่าไปดูดายหากเห็นว่าอะไรไม่ถูกต้องก็เตือน ใช้วัฒนธรรมของเราให้สุภาพเรียบร้อย บางคนอาจไม่มีเจตนาเราก็ต้องเข้าใจเขา แต่บางคนเบ่งอ้างลูกพี่ ซึ่งคนที่เป็นส.ส.เขาไม่ทำเพราะเขากลัวคะแนนเสียง แต่ผู้ติดตามนี่ได้ยินบ่อย เช่นตอนฉีดวัคซีนที่สภาผู้ติดตามนักการเมืองคนหนึ่งพูดจาไม่ดีกับเจ้าหน้าที่พยาบาล ซึ่งก็เป็นเรื่องของตัวบุคคล แต่เราอย่าไปเหมาว่าผู้ติดตามนักการเมืองทุกคนจะเป็นอย่างนั้น เพราะเป็นเรื่องพฤติกรรมเฉพาะบุคคลนั้น”