พิษโครงการฝากเก็บมันสําปะหลังเส้นในโครงการแทรกแซง ปี 55/56 เจ้าหน้าที่อคส.ทั้งอดีตและปัจจุบัน งัดข้อมูลแจกแจง
นักบริหาร 9 ร้องป.ป.ช.ตรวจสอบข้อเท็จจริง
ผู้บริหารและพวก 4 รายละเว้นปฏิบัติหน้าที่
ผู้บริหารอคส.โต้กลับผู้ร้องมีข้อมูลไม่ครบ ไม่ถูกต้อง
นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการ องค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการคณะกรรมการปัองกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เชิญว่าที่ ร.ต.พีรศักดิ์ เตชพิพิธมงคล นักบริหาร 9 อดีตผู้อำนวยการสำนักนิติการ อคส. มาให้ปากคำหลังว่าที่ร.ต.พีรศักดิ์ร้องเรียนป.ป.ช.ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีผู้บริหารและเจ้าหน้าที่อคส. 4 รายคํานวณความเสียหายตามสัญญาฝากเก็บมันสําปะหลังเส้น ในโครงการแทรกแซง ปี 55/56 กับเอกชนรายหนึ่ง ต่ำกว่าความเป็นจริง ส่งผลให้รัฐเสียหาย ว่า ผู้ร้องน่าจะหาข้อมูลมาไม่ครบ และไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง กรณีนี้ อคส. ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา และรักษาผลประโยชน์รัฐอย่างเต็มกำลัง
ทั้งนี้ ในโครงการแทรกแซงมันเส้นปี 55/56 อคส.ทำสัญญาฝากเก็บ หรือเช่าคลังสินค้าของเอกชนหลายรายเพื่อฝากเก็บ และว่าจ้างผู้ตรวจสอบคุณภาพ (บริษัทเซอร์เวย์) ตรวจสอบคุณภาพมันเส้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีทั้งคุณภาพคงเดิม และเสื่อมสภาพ โดยรายที่เสื่อมสภาพ หรือสูญหาย อคส.ฟ้องร้องดำเนินคดี ทั้งอาญาและแพ่ง ส่วนเอกชน 1 รายที่ว่าที่ร.ต.พีรศักดิ์ อ้างว่า อคส.คำนวณค่าเสียหายต่ำกว่าความเป็นจริง จนรัฐเสียหายนั้น บริษัทเซอร์เวย์ตรวจสอบแล้ว และพบคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐาน ส่วนกรณีที่รายนี้ ทำมันเส้นสูญหาย อคส.ฟ้องร้องดำเนินคดีอาญาไปแล้ว และศาลมีคำพิพากษาฎีกาให้ยกฟ้อง ดังนั้น อคส. จึงไม่มีอำนาจเรียกค่าเสียหายจากเอกชนรายนี้
“ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นก่อนที่ผมจะรับตำแหน่งผู้อำนวยการอย่างไรก็ตาม เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว จึงเบิกค่าฝากเก็บให้เอกชนรายนี้ตามสิทธิ ซึ่งผมก็ได้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบภาระทางคดี และไม่พบข้อผูกพัน แต่พบว่า รายนี้ ยึดหน่วงมันเส้น ไม่ยอมส่งมอบให้ผู้ชนะการประมูลในปี 61 จึงนำมาประมูลขายอีกครั้งปี 62 แต่ขายได้ราคาต่ำกว่าปี 61 เป็นเหตุให้รัฐได้รับเงินน้อยกว่าการขายในปี 61 จำนวน 1.81 ล้านบาท จึงใช้สิทธิเรียกค่าเสียประโยชน์ตามสัญญาฝากเก็บที่อคส.ทำไว้กับรายนี้ โดยหักออกจากค่าฝากเก็บที่จะต้องชำระให้เอกชนรายนี้ไป”
นายเกรียงศักดิ์ กล่าวว่า อคส. ร่วมกับสำนักงานอัยการสูงสุดฟ้องดำเนินคดีทุจริตแทรกแซงมัน 174 คดี ความเสียหาย 20,677 ล้านบาท และเมื่อเดือนก.พ.66 ได้ส่งป.ป.ช.ตรวจสอบเพิ่มอีก 3 โครงการ อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตว่า ว่าที่ ร.ต.พีรศักดิ์ อยู่ระหว่างพักงาน เพราะมีหมายอาญาคดีฉ้อโกง 2 คดี และอยู่ระหว่างสอบวินัยร้ายแรง
ด้านว่าที่ร.ต.พีรศักดิ์ กล่าวว่า ศาลฎีกายกฟ้องอาญาเอกชนรายนี้ แม้ทำมันเส้นที่ฝากเก็บหายนับพันกิโลกรัม (กก.) จากปริมาณที่ฝากเก็บไว้ 9.134 ล้านกก. หรือ 9,134 ตัน เพราะเอกชนรายนี้ได้ทำหนังสือถึงอคส.เพื่อเอามันเส้นมาคืนจนครบ ส่งผลให้ศาลยกฟ้องคดีทางอาญา แต่คดีแพ่ง ที่รายนี้ทำให้มันเสื่อมสภาพไปจากตอนฝากเก็บตามสัญญาฝากเก็บนั้น ยังคงมีอยู่ อคส.ยังมีสิทธิ์ทางแพ่งที่เรียกค่าเสียหายจากการเก็บรักษาไม่ได้มาตรฐานตามกำหนด
“สาเหตุที่บอกว่า รายนี้ทำมันเส้นเสื่อมสภาพ เพราะการขายปี 61 ขายได้ตันละ 726 บาท แต่ผู้ชนะประมูลไม่ได้รับสินค้า เพระรายนี้ยึดหน่วง อ้างว่า อยู่ระหว่างดำเนินคดีอาญา จนผู้ชนะประมูลขอยกเลิกซื้อ นำมาซึ่งการประมูลครั้งที่ 2 ปี 62 จำนวน 3,449 ตัน ซึ่งขายได้ราคาต่ำมากตันละกว่า 200 บาท ถ้าผู้บริหารอคส.อ้างว่า มันเส้นไม่ได้เสื่อมคุณภาพ ก็จะต้องขายได้ราคาสูง หรือเท่ากับราคารับจำนำตันละ 7,091 บาท ดังนั้น การทำให้มันเสื่อมสภาพจึงเข้ากับเงื่อนไขสัญญาฝากเก็บ ที่กำหนดว่า ผู้รับฝากต้องดูแลรักษาชนิด คุณภาพ ปริมาณ ไม่ให้เสียหาย หรือเสื่อม ถ้าเสื่อม เสียหาย สูญหาย ผู้รับฝากต้องชดใช้ค่าเสียตามราคาที่รับฝากคือ ตันละ 7,091 บาท”
ส่วนกรณีที่ผู้บริหารอคส.อ้างว่า ไม่มีอำนาจเรียกค่าเสียหายนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะเมื่อเดือนพ.ย.65 เจ้าหน้าที่อคส.ทำหนังสือถึงนายเกรียงศักดิ์ ขออนุมัติค่าเสียหายให้กับเอกชนรายนี้ 1.815 ล้านบาท โดยนำราคาขายครั้งแรกที่ตันละ 726 บาทหักลบด้วยราคาขายครั้งที่ 2 ตันละ 200 บาท มีส่วนต่าง 526 บาท รวม 1.815 ล้านบาท ทั้งๆ ที่ควรเอาราคาขายครั้งที่ 2 ลบราคารับจำนำ 7,091 บาท เท่ากับเสียหายตันละ 6,896 บาท รวม 23.791 ล้านบาท ซึ่งนายเกรียงศักดิ์ ได้อนุมัติตามที่เสนอมา 1.815 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เอกชนรายนี้ มีหลักทรัพย์ค้ำประกันสัญญาอยู่กับอคส. 2.3 ล้านบาท อคส.จึงจ่ายเงินให้ 500,000 บาท
“อคส.จ่ายเงินคืนให้ 500,000 บาท ถือว่าเอกชนได้เงินโดยมิชอบ ถือเป็นความเสียหายของอคส.อีกส่วนหนึ่ง นอกจากการที่ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ 4 รายที่ผมได้ร้องเรียนฐานมีเจตนาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่จนเป็นเหตุให้รัฐเสียหายจากมันเส้นเสื่อมคุณภาพ รวมดอกเบี้ย และดอกเบี้ยปรับรวม100.91 ล้านบาท ซึ่งหลังจากป.ป.ช.เชิญให้ไปชี้แจง ผมก็ไปชี้แจงแล้ว โดยยืนยันที่จะกล่าวหาทั้ง 4 รายตามที่ร้องเรียน และยังได้ร้องเรียนผู้บริหารและพวกอีก 2 กรณี”
