

- พาณิชย์เดินสายล่อซื้อ-จับกุมผู้ค้าเอาเปรียบต่อเนื่อง
- ล่าสุดจับได้แล้ว319รายทั้งกรุงเพฯและต่างจังหวัด
- เตือนผู้ค้าเลิกโกงถ้าพบผิดเล่นงานหนักแน่นอน
นางลลิดา จิวะนันทประวัติ รองโฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการปฏิบัติการกรณีสินค้าอุปโภคบริโภคและเวชภัณฑ์ของกระทรวงพาณิชย์ว่า วันที่ 14 เม.ย.63 กระทรวงพาณิชย์ ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จับกุมผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 โดยจับกุมผู้กระทำความผิดกรณีหน้ากากอนามัย เจลล้างมือและแอลกอฮอล์เพิ่มอีก 8 รายทั่วประเทศ ทำให้สถิติการจับกุมผู้กระทำความผิดกรณี หน้ากากอนามัย เจลล้างมือ และแอลกอฮอล์ เพิ่มขึ้นเป็น 319 ราย แยกเป็นกรุงเทพฯ 156 ราย และต่างจังหวัด 163 ราย
สำหรับการจับกุมเพิ่มอีก 8 รายนั้น แบ่งเป็น กรุงเทพฯ 1 ราย เป็นร้านค้าทั่วไป พบจำหน่ายหน้ากากอนามัยแบบธรรมดา ชิ้นละ 20 บาท จากราคาควบคุมชิ้นละ 2.50 บาท จึงแจ้งข้อหาจำหน่ายราคาสูงเกินสมควร ตามมาตรา 29 ส่วนในต่างจังหวัด จับกุมเพิ่ม 7 ราย เป็น จำหน่ายหน้ากากอนามัยผ่าน เฟซบุ๊ก 2 ราย ได้แก่ นครสวรรค์ 1 ราย โดยได้ล่อซื้อและจับกุม พบจำหน่ายหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ กล่องละ 690 บาท เฉลี่ยชิ้นละ 13.80 บาท จาดราคาควบคุมที่ชิ้นละ 2.50 บาท, ประจวบคีรีขันธ์ 1 ราย จำหน่ายหน้ากากอนามัยบรรจุแพ็คละ 10 ชิ้น ราคา 130 บาท เฉลี่ยชิ้นละ 13 บาท, ร้านค้าทั่วไปในจังหวัดพิษณุโลก 3 ราย โดยได้ล่อซื้อ พบจำหน่าย หน้ากากอนามัยบรรจุกล่อง 50 ชิ้น กล่องละ 760 – 790 บาท เฉลี่ยชิ้นละ15.20 – 15.80 บาท โดยทั้ง 5 รายกระทำความผิดข้อหาราคาสูงเกินสมควร ตามมาตรา 29
นอกจากนี้ ยังพบผู้กระทำความผิดในจังหวัดกาฬสินธุ์ 1 ราย เป็นร้านค้าทั่วไปจำหน่ายเจลแอลกอฮอล์ โดยไม่ปิดป้ายแสดงราคา จึงแจ้งข้อหากระทำความผิด ตามมาตรา 28 ไม่ปิดป้ายแสดงราคา และเจ้าหน้าที่ยังได้ตรวจค้นโรงงานในจังหวัดปทุมธานี อีก 1 ราย ลักลอบผลิตหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ ชนิด 3 ชั้น พบหน้ากากอนามัย 138,000 ชิ้น จึงยึดเป็นของกลาง และแจ้งข้อหากระทำความผิด เป็นผู้ผลิตไม่แจ้งต้นทุน ราคาซื้อ ราคาจำหน่าย ปริมาณการผลิตต่อคฯะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ตามมาตรา 25 (5)
ขณะที่สถานการณ์ราคาไข่ไก่เริ่มปรับลดลงและกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เนื่องจากขณะนี้มีปริมาณผลผลิต ไข่ไก่กระจายเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ฟาร์มไข่ไก่ที่ได้รับคำสั่งซื้อมีการชะลอตัวลงจากหลายสัปดาห์ก่อน ทำให้สามารถส่งไข่ไก่ให้กับผู้ค้าส่งได้มากขึ้น และมีสินค้าเพียงพอที่จะกระจายต่อไปยังผู้ค้าปลีก อีกทั้งผู้จำหน่ายรายใหญ่ทั้ง ซีพี เบทาโกร มีการกระจายผลผลิตไข่ไก่เข้าสู่ระบบเพิ่มขึ้น โดยมีสินค้าวางจำหน่ายทุกวันในห้างโมเดิร์นเทรด เช่น แมคโคร บิ๊กซี เทสโก้โลตัส และไม่จำกัดจำนวนการซื้อของประชาชน เนื่องจากความต้องการในการซื้อไข่ไก่ของผู้บริโภคมีปริมาณลดลงจากเดิม ซึ่งทำให้การตรวจสอบการค้าไจ่ไก่วันที่ 14 เม.ย. ไม่พบผู้กระทำความผิดเพิ่มเติม ยอดรวม 26 ราย คงที่
นางลลิดา กล่าวต่อถึงบทลงโทษว่า ข้อหาขายเกินราคาควบคุม จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,00 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ, ข้อหาไม่แจ้งต้นทุนราคาซื้อ ราคาจำหน่าย ปริมาณการผลิต ปริมาณคงเหลือ จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ ไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับไม่เกินวันละ 2,000 บาท ตลอดเวลาที่ฝ่าฝืน, ข้อหาเป็นผู้ผลิตไม่แจ้งชื่อ ราคาซื้อ ราคาจำหน่าย และข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคาขาย ปรับไม่เกิน 10,000 บาท และข้อหาขายแพงเกินสมควร จำคุกไม่เกิน 7 ปี กรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
“กระทรวงพาณิชย์ได้ส่งเจ้าหน้าลงพื้นที่ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เพื่อติดตามตรวจสอบ จับกุมผู้กระทำความผิดตามข้อร้องเรียนทุกวัน และมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง อยากจะเตือนผู้ที่มีพฤติกรรมกักตุนสินค้า และค้ากำไรเกินควร ให้เลิกพฤติกรรมดังกล่าว เพราะถือเป็นการเอารัดเอาเปรียบประชาชน หากพบการกระทำผิด จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด”