จับตาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครึ่งปีหลัง..จะรุ่งหรือร่วง ในส่วนตลาดบ้านยังเติบโตดี มาตรการคุมเข้มสินเชื่อไม่กระทบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) หรือ LPN ได้ออกบทวิเคราะห์ทิศทางตลาดบ้านครึ่งปีแรก 2562 ว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งปีแรก การขยายตัวไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะภาคการส่งออก และการท่องเที่ยวที่ชะลอตัวจากเศรษฐกิจโลกที่ยังคงเปราะบาง ซึ่งเป็นผลจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ประกอบกับความล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ และผลกระทบจากมาตรการกำกับดูแลสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ (LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เริ่มบังคับใช้วันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา ทำให้ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครึ่งปีแรกติดลบระดับ 15-20% 

สำหรับตลาดบ้านพักอาศัย ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์เฮาส์ ซึ่งศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ระบุว่ายังมีอุปทานเหลือขายในตลาดอยู่ประมาณ 86,000 หน่วย คิดเป็นมูลค่าเกือบ 390,000 ล้านบาท แม้จะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และมาตรการ LTV แต่ตลาดหลักยังคงเป็นผู้อยู่อาศัยจริง ที่ยังคงมีความต้องการซื้ออย่างต่อเนื่อง ผลกระทบจากปัจจัยลบจึงน้อยกว่าที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียม โดยเฉพาะการซื้อเพื่อเป็นบ้านหลังที่ 2 ขึ้นไปที่ปริมาณสินเชื่อปล่อยใหม่ลดลง 36% ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ขณะที่ประเมินแล้วพบว่า ที่อยู่อาศัยประเภทบ้านพักอาศัยในช่วงดังกล่าวนั้นติดลบประมาณ 10%

ขณะเดียวกันสภาวะตลาดบ้านพักอาศัย สำนักวิจัย LPN (LPN Wisdom) ได้ทำการสำรวจตลาดช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 พบว่า มีโครงการเปิดใหม่รวมทั้งสิ้น 103 โครงการ 17,873 หน่วย จำนวนหน่วยลดลงจากช่วงเดียวกันของก่อนเล็กน้อย หรือประมาณ 3% โดยที่ทาวน์เฮาส์มีสัดส่วนการเปิดโครงการใหม่มากที่สุดคิดเป็น 57.2% หรือจำนวน 10,223 หน่วย จาก 53 โครงการ  แต่ก็ยังน้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีทาวน์เฮาส์เปิดใหม่จำนวน 11,894 หน่วย 

ส่วนกลุ่มบ้านเดี่ยวเป็นที่อยู่อาศัยประเภทเดียวที่มีการเปิดโครงการใหม่เพิ่มขึ้นในรอบ 6 เดือน มีโครงการใหม่ 44 โครงการ จำนวน 5,241 หน่วย เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวน 4,333 หน่วย หรือเพิ่มขึ้น 20% ส่วนบ้านแฝดมีจำนวนโครงการเปิดใหม่ 23 โครงการ จำนวน 2,409 หน่วย เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวน 2,060 หน่วย หรือเพิ่มขึ้น 20% และพบว่าในปีนี้มีสัดส่วนการเปิดตัวบ้านแฝดประมาณ 15% ของตลาดตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา 

ทั้งนี้หากแบ่งตามระดับราคาจะพบว่า โครงการทาวน์เฮาส์ที่เปิดขายใหม่ในรอบ 6 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ราคา 2-3 ล้านบาท และ 3-5 ล้านบาท มีสัดส่วนมากที่สุด และใกล้เคียงกันที่ประมาณ 40% และราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท มีสัดส่วน 14.3% ส่วนบ้านเดี่ยว ราคา 3-6 ล้านบาท มีสัดส่วนมากที่สุด  44.4% ราคา 6-10 ล้านบาท มีสัดส่วน 34.7% และราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาทกับราคา 10-20 ล้านบาท มีสัดส่วนใกล้กันที่ประมาณ 10% ขณะที่บ้านแฝดราคา 3-6 ล้านบาท มีสัดส่วนมากถึง 78.2% ราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท มีสัดส่วนประมาณ 14% และราคา 10-20 ล้านบาท มีสัดส่วนประมาณ 5%

สำนักวิจัย LPN ยังให้ข้อมูลถึงด้านอัตราการขายที่อยู่อาศัยประเภทบ้านพักอาศัยในครึ่งปีแรกพบว่า โดยภาพรวมมีอัตราการขาย 20% จากจำนวนหน่วยที่เปิดขายใหม่ เป็นสัดส่วนที่ไม่แตกต่างจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยที่ทาวน์เฮาส์มีอัตราการขายสูงสุด หรือ 25% ของจำนวนหน่วยที่เปิดขายใหม่เท่ากับปีที่ผ่านมา  ขณะที่บ้านเดี่ยวมีอัตราการขาย 14%เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตราการขาย 12% ส่วนบ้านแฝดมีอัตราการขาย 14% ไม่เปลี่ยนแปลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน

เป็นที่น่าสังเกตว่า บ้านพักอาศัยทุกประเภทมีอัตราการขายที่ใกล้เคียงกันกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยไม่ลดไปมากเหมือนที่นักวิเคราะห์ได้ทำนายไว้ เหตุผลส่วนหนึ่งเป็นเพราะในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2562 ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ได้จัดกิจกรรมกระตุ้นการขายและการโอน ก่อนประกาศใช้มาตรการกำกับดูแลสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ในวันที่ 1 เม.ย. 2562 ทำให้ยอดขายและยอดโอนบ้านในช่วง 3 เดือนแรกของปีเพิ่มสูงขึ้น ก่อนที่จะชะลอตัวลงหลังจากมาตรการกำกับดูแลสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์มีผลบังคับใช้