จะไม่ยอมทิ้งกัน!…”ศักดิ์สยาม”ลงพื้นที่“อยุธยา-สามโคก”สำรวจความเสียหายหลังน้ำซัด-จ่อ!ของบกลาง6.3พันล้านเร่งปรับปรุงซ่อมแซมถนนให้ชาวบ้านเดินทางสะดวก

“ศักดิ์สยาม”ลงพื้นที่ “อยุธยา-สามโคก”สำรวจเส้นทางถนนเสียหายพร้อมมอบถุงยังชีพช่วยชาวบ้าน มั่นใจสิ้นเดือนนี้จะสรุปเส้นทางถนนทั่วประเทศที่เสียหาย   เพื่อจัดของบกลางดำเนินการซ่อมแซมหลังน้ำลดเพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมในระยะยาว   พร้อมแจ้งชาวจังหวัดอยุธยา เมืองมรดกโลก เตรียมพร้อมรับนักท่องเที่ยว เปิดประเทศ 1 พ.ย. นี้ ด้านกรมทางหลวงเตรียมเสนอของบกลาง 4.8 พันล้านมาปรับปรุงถนนหลังพายุซัด ส่วน ทช.เสนอขอ 1.5 พันล้านบาทซ่อมแซมใน 6เดือนกลับมาใช้งาน

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม  เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ ตรวจเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัย  และตรวจเส้นทางคมนาคมที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดปทุมธานี พร้อมมอบถุงยังชีพให้แก่ประชาชน ผู้ประสบอุทกภัย 5 ตำบล ในจังหวัด พระนครศรีอยุธยา บริเวณ ตลาดเกรียบ อำเภอบางปะอิน  2,500   ครัวเรือน ว่า  ปัจจุบันสถานการณ์ภาพรวมน้ำท่วมได้ส่งผลกระทบต่อเส้นทางคมนาคมทั้งโครงข่ายทางหลวง  ทางหลวงชนบท รวมถึงทางราง  ได้รับน้ำท่วม และดินโดยในส่วนของทางหลวงได้รับผลกระทบทั้งหมด 18  จังหวัด  รวม 108 แห่ง การจราจรผ่านได้ 88 แห่ง ผ่านไม่ได้ 20 แห่ง ขณะที่สายทางของกรมทางหลวงชนบท มีสายทางที่ได้รับผลกระทบรวม 64 แห่ง สามารถสัญจรผ่านได้ 35 แห่ง ไม่สามารถสัญจรผ่านได้ 29 แห่ง 

ทั้งนี้ในส่วนของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ถนนที่ประสบอุทกภัยเดิม ซึ่งเป็นถนนของชลประทาน และได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ครั้งนี้ โดยเส้นทางพบว่าถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ ระยะทางหลายสิบกิโลเมตร ดังนั้นจึงได้สั่งการให้กรมทางหลวงชนบท (ทช.) เร่งทำ การสำรวจโดยเร็ว ส่วนในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี ซึ่งพบว่า ถนนที่เสียหาย ส่วนใหญ่ เป็นถนน สายที่เลียบแม่น้ำ ในกำกับของกรมทางหลวง (ทล.) โดยมูลค่าความเสียหายขณะนี้ ยอมรับว่า ยังไม่สามารถสรุปตัวเลขความเสียหายได้ ต้องรอจนกว่าระดับน้ำทั้งหมดจะลด แล้วเข้าไปทำการสำรวจโดยละเอียด อย่างไรก็ตามได้เคยให้นโยบายไปแล้ว โดยขอให้ ทั้ง ทล.และ ทช. สรุปรายงานผลสำรวจทั้งหมด ไม่ใช่แค่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี แต่เป็นทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยให้รายงานทั้งหมด ให้ทราบภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้

นายศักดิ์สยาม กล่าวย้ำว่า แนวทางการสำรวจก็ยังเป็น 2 แนวทาง คือ สำรวจจุดที่มีความเสียหาย เพื่อซ่อมแซม และจุดที่โครงการถนนต่างๆ ไปกีดขวางทางน้ำ สร้างผลกระทบทำให้เกิดอุทกภัย ทั้งโครงการใน อดีต และปัจจุบัน เพื่อทำการปรับปรุง ตามนโยบายของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า นอกจากเรื่องช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยและ การสำรวจถนนที่เสียหาย จากอุทกภัยแล้ว ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยานั้น ยังได้แจ้งให้ประชาชน เตรียมพร้อมรองรับการท่องเที่ยว และนักท่องเที่ยว ตานโยบายเปิดประเทศของรัฐบาล 1 พ.ย.นี้ แน่นอน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นพื้นที่มรดกโลก จะมีนักท่องเที่ยว เดินทางมาท่องเที่ยวมากมาย ประเด็นสำคัญที่เกี่ยวกับความปลอดภัย และมั่นใจของนักท่องเที่ยว คือมาตรการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งขณะนี้ ทราบว่า ประชากรในจังหวัดอยุธยา มีการฉีดวัคซีนแล้วมากกว่า 80% ซึ่งถือว่าเป็นสถิติที่น่าพอใจ และในระหว่างนี้ สามารถเพิ่มตัวเลขดังกล่าวขึ้นอีก เพราะปริมาณวัคซีน ที่กระทรวงสาธารณสุข และรัฐบาลจัดหา ปีนี้ 120 ล้านโดส ถือว่า มีเพียงพอ ซึ่งทั้งหมด จะช่วยสร้างความมั่นใจ นักท่องเที่ยวที่เข้มมาจังหวัด และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ก็จะมีรายได้จ่าการท่องเที่ยวกลับมาด้วย

นอกจากนั้นตนยังได้แจ้งให้ประชาชนในจังหวัดพระนครศรีอยุธยารับทราบถึงความคืบหน้าของโครงการรถไฟความเร็วสูง ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่าง ไทย-จีน และที่ผ่านมา เคยติดปัญหาเรื่องการก่อสร้างสถานี เนื่องจากเป็นพื้นที่มรดกโลก แต่ใน ขณะนี้ กระทรวงคมนาคม ได้แก้ไขปัญหาดังกล่าวจบสิ้นแล้ว โดยยืนยันว่า การก่อสร้าง จะยึดแนวเส้นทางเดิม โดยมีเพียงการลดขนาดสถานี และความสูงของโครงสร้างทางวิ่งลง ยืนยันว่า โครงการในระยะที่ 1 ที่ผ่านอยุธยานี้ จะแล้วเสร็จ ในปี 68 ตามแผนเดิมแน่นอน

ส่วนโครงการส่วนต่อขยาย รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เส้นต่อจากนครราชสีมา –หนองคาย นั้นทางนายกรัฐมนตรี ได้เร่งรัดให้กระทรวงคมนาคม ทำการสำรวจ-ออกแบบนั้น ก็จะเร่งรัดดำเนินการ รวมทั้ง ในปลายปีนี้ กระทรวงคมนาคม เตรียมร่วมประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน (Joint Committee หรือ JC) ครั้งที่ 30 ซึ่งก็มั่นใจว่า ภาพร่วม จะช่วยให้โครงการรถไฟความเร็วสูง ความร่วมมือไทย-จีน จะเดินหน้าได้ตามแผนที่กระทรวงคมนาคมวางไว้

นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง(ทล.)กล่าวว่า ขณะนี้ทางกรมทางหลวงได้ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายของถนนทั่วประเทศ ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม พบว่า ถนนทางหลวงทั่วประเทศได้รับความเสียหายรวม 235 แห่ง ใช้งบประมาณกว่า 4,800 ล้านบาท ซึ่งจะเสนอไปยังกระทรวงคมนาคม ก่อนเข้า ครม. เพื่อของบกลาง มาทำการปรับปรุงหลังน้ำลด ซึ่งการซ่อมแซม ฟื้นฟูให้คืนสู่สภาพ ทั้งปรับปรุง แก้ไข ระบบรายน้ำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น โดยจะเน้นให้มีการซ่อมแซมแบบใช้งานได้ระยะยาว

นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย รักษาการอธิบดีกรมทางหลวงชนบท(ทช.) กล่าวว่า ทช.ได้สรุปความเสียหายตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค. -20 ต.ค.  64 พบถนนทางหลวงชนบท เสียหายใน 46 จังหวัด โดย ทช.จะเสนอใช้งบประมาณงบกลางปี 65 ในการซ่อมแซมถนนจำนวน 101 สายทาง งบประมาณ 1,513.160 ล้านบาท ฟื้นฟูน้ำท่วมครั้งนี้ภายหลังระดับน้ำลดเข้าสู่สภาวะปกติ  และหลังจากได้รับงบประมาณจะดำเนินการซ่อมแซมฟื้นฟูให้แล้วเสร็จ ภายใน 6 เดือน (180 วัน)