คลังเผยเก็บรายได้ 9 เดือน ปีงบ 66 พุ่ง 1.9 ล้านล้านบาท

อานิสงส์เศรษฐกิจฟื้นตัว ส่งผลให้การจัดเก็บรายได้ของรัฐเพิ่มขึ้นสูงกว่าเป้าหมาย 1.3 ล้านบาท 

  • ชี้มาจากสรรพากร เก็บภาษีเงินได้-VAT 
  • สรรพสามิตรายได้ลดเหตุลดภาษีดีเซล
  • เงินคงคลังแข็งแกร่ง อยู่ที่ 3.5 แสนล้านบาท

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิ ในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2566 (ตุลาคม 2565 – มิถุนายน 2566 ) รัฐบาลจัดเก็บราย ได้สุทธิ จำนวน 1,956,492 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 136,613 ล้านบาท หรือร้อยละ 7.5 และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 5.2 โดยหน่วยงานที่จัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการที่สำคัญ ได้แก่ กรมสรรพากร โดยเฉพาะจากการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

ส่วนราชการอื่น เนื่องจากมีรายได้พิเศษที่ไม่ได้อยู่ในประมาณการ เช่น การนำส่งทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนเป็นรายได้แผ่นดิน รายได้จากสัมปทาน โทรศัพท์เคลื่อนที่ เงินส่วนเกินจากการจำหน่ายพันธบัตรกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล และเงินเหลือจ่ายปีเก่าส่งคืน เป็นต้น  กรมศุลกากร เนื่องจากมูลค่าการนำเข้าสูงกว่าประมาณการ โดยผลของค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลง ประกอบกับมีการชำระอากรขาเข้าย้อนหลังตามคำพิพากษาคดี 

อย่างไรก็ดี การจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตต่ำกว่าประมาณการจากการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลตั้งแต่ต้นปีงบประมาณเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนเป็นการชั่วคราวจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่อยู่ในระดับสูง

ทั้งนี้ หากไม่รวมรายได้พิเศษของส่วนราชการอื่น และกรมศุลกากร ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิสูงกว่าประมาณการ 80,533 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.4 และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 2.2

ขณะที่ฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2566 รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น จำนวน 1,957,045 ล้านบาท ในขณะที่มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้นจำนวน 2,565,504 ล้านบาท โดยรัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล จำนวน 435,243 ล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 352,814 ล้านบาท