คลังจับตาเศรษฐกิจโลกใกล้ชิด ชี้นักท่องเที่ยวจีนยังเข้าไทยไม่เต็มที่

คลังเผยภาวะเงินฝืดจีน ยังไม่กระทบภาคการท่องเที่ยวของไทย ย้ำประมาณการเศรษฐกิจปี 66 ไว้ที่ 3-4% ต่อปี

  • เผยแม้นักท่องเที่ยวจีนมาช้า ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติก็ยังไม่ได้ปรับเป้า เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวชาติอื่นทดแทนอยู่
  • ย้ำไทยต้องรักษาอันดับเครดิต มุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศเอาไว้ให้ดี
  • ชี้หลังไทยผ่อนคลายมาตรการวีซ่าให้นักท่องเที่ยวชาวจีน โดยลดจำนวนเอกสารมีผลช่วยกระตุ้นได้

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้เศรษฐกิจประเทศจีนล่าสุด ถือมีการขยายตัวต่ำกว่าที่หลายสำนักคาดการณ์ไว้ ขณะที่การประมาณการของสำนักงานเศรษฐกิจการคลังจะมาเยอะนั้น สถานการณ์ปัจจุบันก็ยังจำกัดอยู่ ซึ่งก็อาจจะมีผลกระทบบ้าง อีกส่วนที่กระทบก็คือ เรื่องการส่งออกจากประเทศไทยไปจีน โดยในปี 66 นี้ ไทยก็ได้ส่งออกไปจีนเยอะ โดยเฉพาะหมวดอาหาร ผลไม้ เช่น ทุเรียน เป็นต้น แต่บังเอิญ ด้านของไทยเองก็ผลผลิตไม่ดี ได้ผลผลิตน้อยกว่าปกติ ก็อาจจะทำให้การส่งออกจำกัดไปด้วย

“เรื่องของเศรษฐกิจจีนนั้น ก็อาจจะมีผลบ้างในเรื่องการท่องเที่ยว-การส่งออก ซึ่งในเรื่องการท่องเที่ยวจากจีนก็อาจจะมาล่าช้าตามที่คาด แต่ในแง่ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทย ก็ยังไม่ได้ปรับเป้าหมายจาก 29.5 ล้านคนต่อปีเนื่องจากมีส่วนที่ทดแทนอยู่ คือ มีกลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศเพื่อนบ้าน และจากทวีปยุโรปนั้นยังไม่ลดลง และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกด้วย” นายอาคม กล่าว

นอกจากนี้ ในเรื่องเศรษฐกิจโลก ยังคงมีการกระทบกันโดยทั่วไป ไม่ใช่เฉพาะจีน ยังมีสหรัฐฯ อีก แต่ขณะนี้ตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ มีการปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย แต่ความกังวลเรื่องนโยบายปรับขึ้นดอกเบี้ยก็ยังคงมีอยู่โดยหลายฝ่ายคงมีการปรับตัวกันในระยะต่อไป ส่วนของประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 66 ของกระทรวงการคลังนั้นการประเมินยังไม่แตกต่างจากเดิมเท่าไหร่ คืออยู่ที่ 3-4% ต่อปี

นายอาคม กล่าวต่อว่า ในส่วนกรณีที่สหรัฐฯ ถูกปรับลดอันดับเครดิตลงนั้น คงทำให้ต้นทุนการออกพันธบัตรเพิ่มขึ้นซึ่งเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ทำไมทุกประเทศต้องรักษาเครดิต มุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศเอาไว้ ซึ่งในส่วนของประเทศไทยเองนั้น ยังอยู่ในมุมมองระดับมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ เรื่องผลกระทบจากกรณีสหรัฐฯนั้น อาจส่งผลไปยังเอกชน และตลาดพันธบัตร ตลาดทุนอยู่บ้าง

“สิ่งที่มั่นคงมากคงเป็นเรื่องของพันธบัตรรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหนก็ตาม ส่วนหุ้นกู้ ก็มีความเสี่ยงอยู่บ้าง ขึ้นอยู่กับว่าจะนำเงินระดมทุนในหุ้นกู้ไปใช้ทำอะไร แต่ขณะนี้เอกชนไทยก็ออกหุ้นกู้ คือใช้ตลาดทุนมากขึ้น ซึ่งก็เป็นแนวในการพัฒนาตลาดทุนไทยอยู่แล้ว” นายอาคม กล่าว

ด้านนายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักานเศรษฐกิจการคลัง กล่าวว่า จากที่มีหลายนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าประเทศจีนเริ่มเข้าสู่ภาวะเงินฝืด ซึ่งเชื่อทางการจีนจะเร่งปรับเปลี่ยนนโยบาย เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างล่าช้า ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกทำให้เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวได้ในครึ่งหลังของปี และทำให้เงินเฟ้อด้านอุปสงค์เพิ่มขึ้นในระยะถัดไป

ทั้งนี้ หากประเมินทิศทางเงินเฟ้อของจีนทั้งปี 66-67 ยังพบว่าไม่ได้ติดลบ โดยหน่วยงานทางเศรษฐกิจได้คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของจีน ในปี 66 อยู่ในช่วง 1.0-2.1% และปี 67 อยู่ที่ 2.0%

นายพรชัย กล่าวว่า หากวิเคราะห์ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยพบว่า ในภาคการท่องเที่ยว คาดว่าภาวะเงินฝืดของจีนยังไม่มีผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวของไทย โดยจำนวนนักท่องเที่ยวรวมตั้งแต่ วันที่ 1 ม.ค. – 6 ส.ค.66 มีจำนวนทั้งสิ้น 15.9 ล้านคน โดยมีอัตราจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาเป็นอันดับ 2 ที่ 1.9 ล้านคน รองจากเป็นนักท่อวเที่ยวมาเลเซีย ที่มีจำนวน 2.5 ล้านคน

ทั้งนี้ ปัจจุบันจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากระดับ 6.4 หมื่นคนต่อสัปดาห์ในเดือน พ.ค.66 ขยับมาเป็น 9.4 หมื่นคนต่อสัปดาห์ในเดือน ก.ค.66 โดยข้อมูลจากกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬารายงานว่าทางการไทยได้มีการผ่อนคลายมาตรการวีซ่าให้แก่นักท่องเที่ยวชาวจีน โดยลดจำนวนเอกสาร ซึ่งมีผลช่วยกระตุ้นนักท่องเที่ยวที่จะเดินทาง มายังประเทศไทยโดยบริษัททัวร์