นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยต่อภายหลังการประชุม ครม.ว่า ทางกระทรวงสาธารณสุข มีข้อเสนอให้ ครม. ช่วยกันพิจารณาในหลายเรื่อง แต่วันนี้ มีข่าวดีสำหรับคนไทย และคนทำงานด้านสาธารณสุข คือ เรื่องที่เคยผลักดันให้มีการจ้างแพทย์ พยาบาล และสายงานบริการด้านสาธารณสุข เพื่อรองรับสถานการณ์ระบาดของโควิด 19 ล่าสุด ทาง คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบในหลักการแล้ว กรอบวงเงิน 4.3 พันล้านบาท เพื่อเพิ่มบุคลากรในการดูแลรักษาผู้ป่วย แน่นอนว่า จำนวนคนทำงานที่มากขึ้น ย่อมจะเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลประชาชน ทั้งยังเป็นการแบ่งเบาภาระของบุคลากรทางการแพทย์ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ในปัจจุบัน จากนี้กระทรวงสาธารณสุขจะพิจารณาในรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สอดคล้องกับงบประมาณ และสถานการณ์ต่อไป
“เราเห็นคนทำงาน ทำงานเหนื่อยมาก หนักมาก ก็ต้องการที่จะหาทางช่วยแบ่งเบางาน ซึ่งมันจะทำให้แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ ได้ผ่อนเกียร์บ้าง และเมื่อมีจำนวนคนทำงานมากขึ้น ประสิทธิภาพ ก็ต้องดีตามไปด้วย ต้องขอขอบคุณคณะรัฐมนตรี ที่เห็นความจำเป็นในเรื่องนี้ เช่นเดียวกับขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ทุกท่าน ที่ช่วยกัน พาคนไทย ต่อสู้กับโรคระบาด จนสถานการณ์คลี่คลายไปบ้างแล้ว ขอย้ำว่า ทางกระทรวงสาธารณสุข และรัฐบาล เห็นการทำงานของท่าน และไม่มีวันทอดทิ้งท่านอย่างแน่นอน ขณะที่ประชาชน ก็ต้องขอบคุณในการช่วยเหลือภาครัฐเสมอมา การควบคุมโรคระบาด หากปราศจากความร่วมไม้ร่วมมือจากประชาชน ย่อมสำเร็จยาก”
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางคณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติเห็นชอบให้กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการจัดซื้อวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของ AstraZeneca จากฮังการี จำนวน 400,000 โดส และมีมติเห็นชอบรับการสนับสนุนวัคซีน จากไอซ์แลนด์และเยอรมนี โดยไอซ์แลนด์มีความประสงค์ที่จะให้การสนับสนุนบริจาควัคซีนให้กับไทย โดยจะบริจาควัคซีน Pfizer จำนวน 100,000 โดส เยอรมนีจะให้การสนับสนุนบริจาควัคซีน AstraZeneca จำนวน 346,100 โดส
