คมนาคมเร่งแก้ปัญหาส่วยทางหลวงแบบเบ็ดเสร็จ

“สุริยะ” ยืนยันยุคนี้ต้องไม่มีส่วยสติ๊กเกอร์ สั่งลุยแก้ปัญหาจริงจัง เตรียมแก้กฎหมายเพิ่มโทษปรับรถบรรทุกน้ำหนักเกิน

  • จากเดิมปรับจาก 1 หมื่นบาท เพิ่มเป็นสูงสุดไม่เกิน 2 แสนบาท
  • พร้อมจ่อออกประกาศกระทรวงฯ เพิ่มอำนาจตำรวจนครบาล (กทม.)
  • ให้มีอำนาจตรวจจับรถบรรทุกน้ำหนักเกิน

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังประชุมหารือเรื่องแนวทางการแก้ไขปัญหารถบรรทุกน้ำหนักเกินว่า จากข้อเท็จจริงจากการตรวจสอบพบว่ามีรถบรรทุกน้ำหนักเกินจริง และมีข้อบกพร่องในโครงสร้างและกระบวนการในการบังคับใช้กฎหมาย ดังนั้นจึงมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการร่วมกันเพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหา สามารถป้องกันปัญหาการทุจริตที่เกิดขึ้น โดยจะเร่งผลักดันการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินงาน

รวมถึงเร่งปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการแก้ไขบทเปรียบเทียบปรับผู้กระทำผิด จากเดิมหากบรรทุกเกินจะถูกปรับไม่เกิน 10,000บาทจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือทั้งจำและปรับ จะแก้กฎหมายมีโทษปรับเป็นขั้นบันไดตั้งแต่ 10,000-200,000 บาท ส่วนขั้นตอนกระบวนการแก้กฎหมายรอเสนอสภาผู้แทนราษฎร ก่อนจะประการกระทรวง คาดว่าจะมีผลบังคับภายใน 1 ปี

นอกจากนั้นในส่วนของรถบรรทุกที่วิ่งเข้าในเขต กทม.และปริมณฑล ที่มีหลายฝ่ายสังเกตุว่าวิ่งเข้ามาก และ เกือบทุกช่วงเวลานั้น และเพื่อให้การควบคุมเป็นไปประสิทธิภาพ ในเรื่องนี้ กฎหมายกำหนดเวลาเข้าออกของรถบรรทุกยังมีอยู่แต่ตาม พ.ร.บ.ทางหลวงฯไม่ได้ให้อำนาจจราจรใน กทม.จับปรับรถบรรทุกที่น้ำหนักเกินจะมีอำนาจจับแค่ รถเข้าออกกทม.นอกเวลากำหนด ดังนั้น ตนในรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่มีอำนาจในการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่พนักงานให้มีอำนาจในการจับกุม จะลงนามในการแต่งตั้งเจ้าพนักงานตำรวจจราจรให้มีอำนาจจับกุม โดยจะส่งเรื่องไปยัง กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บชน.)สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ สตช.

“ยืนยันว่าในยุคที่ผมดำรงตำแหน่ง รมว.คมนาคมจะไม่มีเรื่องส่วยทางหลวงอย่างเด็ดขาด หากมีการนำเทคโนโลยีและ แก้ไขกฎหมายเรื่องปรับบทเทียบปรับสูงขึ้น มั่นใจว่าจะไม่มีผู้ประกอบการรายใด ที่จะกล้ากระทำความผิด เพราะไม่คุ้มที่จะเสียเงินจำนวนมาก ซึ่งหากทำสำเร็จจะช่วยลดงบประมาณการซ่อมบำรุงภาครัฐโดยเฉพาะกรมทางหลวง(ทล.) และกรมทางหลวงชนบท(ทช)ลงได้จากที่ปัจจุบัน ทล.ต้องใช้งบซ่อมแซมถนนพังกว่า 20,000 ล้านบาท ทช.กว่า 18,000 ล้านบาท” นายสุริยะ กล่าว

ด้านนายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง(ทล.) กล่าวว่า การแก้ไขกฎหมายจะเป็นการแก้ พ.ร.บ.ทางหลวงพศ.2535 แก้ไข ปี 49 มาตรา 61ที่บัญญัติว่า น้ำหนักรถบรรทุกต้องไม่เกินกำหนด หากฝ่าฝืนจะผิด ตามมาตรา 73/2 โดยจะมีบทลงโทษ 10,000 บาทหรือทั้งปรับและจำคุกไม่เกิน6เดือน ก็จะแก้ตามมาตรา73/2 เพิ่มบทลงโทษปรับให้มากขึ้น ซึ่งจะเพิ่มมากขนาดไหนต้องมาหารือร่วมกันอีกครั้ง ขณะเดียวกันระหว่างการแก้ไขทางหลวงก็จะใชเทคโนโยลีมาใช้ร่วมในการปราบปราม กวดขัน ด้วยการนำเทคโนโลยี AI พร้อมกล้อง CCTV มาช่วยประเมินรถบรรทุกที่มีแนวโน้มบรรทุกน้ำหนักเกิน การบูรณาการเชื่อมโยงฐานข้อมูลระบบ GPS ของกรมการขนส่งทางบก ร่วมกับกองบังคับการตำรวจทางหลวง กรมทางหลวงชนบท เพื่อช่วยในการติดตามจับกุมรถบรรทุกน้ำหนักเกิน และการบูรณาการเชื่อมโยงฐานข้อมูล Call Center เรื่องร้องเรียนรถบรรทุกน้ำหนักเกิน