คกก.โรคติดต่อแห่งชาติ เคาะปรับวันกักตัวผู้สัมผัสเสี่ยงสูง เดิม 7 วัน เหลือเป็น 5 วัน



  • ด้านการสังเกตอาการจากเดิม3วันเปลี่ยนเป็นสังเกตอาการ5วัน
  • “อนุทิน” ย้ำให้ความสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มผู้สูงอายุ
  • ลั่นโดยเฉพาะผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ทั้งเข็มปกติและเข็มกระตุ้น

ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (11 เม.ย.65) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2565 โดยมี นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุขนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม

นายอนุทิน กล่าวว่า เนื่องจากกำลังจะเข้าสู่วันหยุดเทศกาลสงกรานต์ ขอย้ำความสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อในกลุ่มผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือยังไม่ได้ฉีดเข็มกระตุ้น และขอความร่วมมือประชาชนใช้มาตรการ2U เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่และรับเชื้อโควิด-19 คือ Universal Prevention สวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง เมื่อใกล้ชิดผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง รวมทั้งงดรับประทานอาหารร่วมกัน 

รวมถึงการดูแลตนเองให้ปลอดความเสี่ยงติดเชื้อ (Self clean-up) ก่อนกลับไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ และ Universal Vaccination ทุกกลุ่มอายุเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั้งเข็มปกติและเข็มกระตุ้น 

นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ได้ให้โรงพยาบาล และ รพ.สต.ในพื้นที่เปิดให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับผู้สูงอายุและลูกหลานที่เดินทางกลับภูมิลำเนา เพื่อลดความเสี่ยงติดเชื้อและเสียชีวิต

สำหรับสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ขณะนี้พบผู้ติดเชื้อในทุกจังหวัด แต่ส่วนใหญ่ไม่มีอาการหรือมีอาการน้อย ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการมากในกลุ่มสีเหลืองและสีแดง ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล มีอัตราครองเตียงประมาณ30% ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมพร้อมยาต้านไวรัสที่จะใช้รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ทั้งฟาวิพิราเวียร์ โมลนูพิราเวียร์ และแพกซ์โลวิด รวมถึงจะจัดหาเวชภัณฑ์ซึ่งเป็นสารภูมิคุ้มกันชนิดออกฤทธิ์ยาว หรือ Long acting antibodies สำหรับฉีดในผู้ที่มีความเสี่ยงและมีภูมิคุ้มกันต่ำ เพื่อป้องกันไม่ให้ติดเชื้อจนมีอาการหนักด้วย 

ส่วนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ภาพรวมฉีดไปแล้วกว่า 130 ล้านโดส ครอบคลุมเข็มแรกกว่า 80% เข็มที่สอง 73% และเข็มที่สาม 35% แต่ยังมีผู้สูงอายุอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ป่วยติดเตียงจำนวนหนึ่งที่เดินทางไม่สะดวกทำให้ยังไม่ได้รับวัคซีน ทั้งนี้ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา จึงมีการรณรงค์ “Save 608 by booster dose” เร่งรัดการฉีดวัคซีนให้กับผู้สูงอายุ โดยให้เจ้าหน้าที่ร่วมกับ อสม.ออกสำรวจ และให้บริการฉีดวัคซีนเชิงรุกถึงบ้านโดยเร็ว เพื่อป้องกันการเสียชีวิต

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในปัจจุบัน และการบริหารจัดการโรคติดต่อ ทั้งการป้องกันควบคุมโรคติดต่ออันตราย หรือโรคระบาด เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ วันนี้ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบอนุบัญญัติภายใต้ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ใน 4 ประเด็นสำคัญ คือ 

1.ร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการกำหนดค่าใช้จ่ายสำหรับเจ้าของพาหนะ หรือผู้ควบคุมพาหนะ พ.ศ. … และร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ผู้เดินทางต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย พ.ศ. … 

2.ร่างระเบียบกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การเบิกจ่ายค่าตอบแทนให้แก่เจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานด้านการเฝ้าระวัง การสอบสวนโรค การป้องกัน หรือการควบคุมโรคติดต่ออันตราย พ.ศ. … และร่างระเบียบกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การเบิกจ่ายค่าตอบแทนให้แก่เจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานด้านการเฝ้าระวัง การสอบสวนโรค การป้องกัน หรือการควบคุมโรคระบาด พ.ศ. … โดยให้เจ้าหน้าที่มีสิทธิได้รับค่าตอบแทนตามที่กำหนดในระเบียบนี้ 

3.ร่างประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 พ.ศ. ….

4.ให้ขยายกรอบระยะเวลาแผนปฏิบัติการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่อ หรือโรคระบาด พ.ศ. 2562-2564 ต่อไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2565 (สิ้นสุดปีงบประมาณ พ.ศ. 2565)

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้รับทราบประเด็นสำคัญ 3 เรื่อง คือ 1.คณะกรรมการด้านวิชาการฯ มีมติเห็นชอบให้ลดวันกักตัวสำหรับผู้สัมผัสเสี่ยงสูงของผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จาก “กักตัว 7 วัน และสังเกตอาการ 3 วัน” เหลือ“กักตัว 5 วัน และสังเกตอาการ 5 วัน” 2.ในปี 2565 สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติจะสามารถจัดหาวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก (HPV) ในเด็กนักเรียนหญิงชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ปีการศึกษา 2562 – 2564 ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเนื่องจากกรณีวัคซีนขาดชั่วคราวได้จำนวนประมาณ 8 แสนโดส และ 3.คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค มีมติเกี่ยวกับการให้วัคซีนโปลิโอชนิดฉีด (IPV) ในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และขยายการให้บริการวัคซีน IPV เป็น2 เข็มในเด็กอายุ 2 และ 4 เดือน และวัคซีนโปลิโอชนิดรับประทาน (OPV) จำนวน 3 ครั้ง ที่อายุ 6 เดือน 1.5 ปี และ 4 ปี