![ดร.ณัฐพล ดีป้า](https://thejournalistclub.com/wp-content/uploads/2022/06/ดร.ณัฐพล-ดีป้า-696x465.jpeg)
- ส่งเสริมผู้นำองค์กร นำดิจิทัลเทคโนโลยีไปใช้
- ช่วยยกระดับธุรกิจเกษตร-วิถีชีวิตเกษตรกร
- พร้อมมอบใบสัมฤทธิบัตรแก่ผู้สำเร็จหลักสูตร CDA #3
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า )ซึ่งมีภารกิจหลักในการส่งเสริมให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลในภาพใหญ่ระดับประเทศ ได้จัดพิธีมอบใบสัมฤทธิบัตรให้แก่ผู้สำเร็จหลักสูตร ผู้นำการส่งเสริมดิจิทัลด้านธุรกิจเกษตร รุ่น 3 (Chief of Digital AGRO Business: CDA#3) พร้อมนำเสนอผลงานภายใต้แนวคิด “การใช้ดิจิทัลเทคโนโลยีมาช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจและสังคมในธุรกิจเกษตร” มุ่งเพิ่มทักษะให้กับผู้นำการส่งเสริมดิจิทัลด้านธุรกิจเกษตรในทุกมิติ โดยมี นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ( Ministry of Digital Economy and Society; MDES) เป็นประธานมอบใบสัมฤทธิบัตรให้แก่ผู้สำเร็จหลักสูตร และมี ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า ให้การต้อนรับ ณ รร. เอส 31 สุขุมวิท เมื่อเร็วๆ นี้
ทั้งนี้หลักสูตรผู้นำการส่งเสริมดิจิทัลด้านธุรกิจเกษตร(Chief of Digital AGRO Business: CDA) ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเป็นรุ่นที่ 3 เพื่อเพิ่มทักษะให้กับผู้นำการส่งเสริมดิจิทัลด้านธุรกิจเกษตร ซึ่งเป็นภาคธุรกิจรากฐานสำคัญของประเทศ มีผู้บริหารระดับสูงทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชนด้านธุรกิจเกษตรให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก โดยดีป้ามีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาศักยภาพของผู้นำองค์กรภาคธุรกิจเกษตรในทุกมิติ เน้นต่อยอดองค์ความรู้ การบริการจัดการและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี ในการบริหารจัดการองค์กร รวมถึงการสร้างนวัตกรรมให้ตอบโจทย์เศรษฐกิจสังคมยุคใหม่ เพื่อสนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ตลอดจนเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้บริหารภาครัฐและเอกชนที่เป็นเครือข่ายอันเข้มแข็งในการพัฒนาภาคธุรกิจเกษตรของประเทศไทย โดยมีผู้สำเร็จหลักสูตร ผู้นำการส่งเสริมดิจิทัลด้านธุรกิจเกษตรแล้ว 3 รุ่น รวมทั้งสิ้น 144 คน
![](https://thejournalistclub.com/wp-content/uploads/2022/06/14.jpeg)
สำหรับผู้สำเร็จ หลักสูตรผู้นำการส่งเสริมดิจิทัลด้านธุรกิจเกษตร รุ่น 3 (CDA#3) มีจำนวนทั้งสิ้น 33 คน ประกอบด้วยผู้บริหารระดับสูงทั้งจากภาครัฐและเอกชน โดยภายในงานมอบใบสัมฤทธิบัตร เปิดโอกาสให้ผู้สำเร็จหลักสูตรนำเสนอผลงานกลุ่ม ภายใต้แนวคิด “การใช้ดิจิทัลเทคโนโลยีมาช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจและสังคมในธุรกิจเกษตร” ในหัวข้อต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อภาคการเกษตร เพื่อนำแนวคิดไปต่อยอดพัฒนาธุรกิจด้านเกษตรให้พร้อมเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล อาทิ
1. Digital Upstream Agro Business (DU): การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยเกษตรต้นน้ำ ได้นำเสนอโครงการ “พืชทางเลือกแห่งอนาคต (VALUABLE FUTURE PLANT)” ยกกรณีพืชตัวอย่าง หญ้าเนเปียร์ ที่มีจุดเด่น โตง่าย เก็บเกี่ยวได้หลายรอบ/ปี ให้โปรตีนและกากใยสูง เหมาะสำหรับเป็นอาหารของสัตว์เคี้ยวเอื้อง สามารถทดแทนข้าวโพดที่นำเข้า ขาดแคลน และราคาสูงในขณะนี้
![](https://thejournalistclub.com/wp-content/uploads/2022/06/33.jpeg)
2. Digital Midstream Agro Business (D Mid): การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยเกษตรกลางน้ำ ได้นำเสนอโครงการ Thailand Sustainable Food Hub โดยยกกรณีตัวอย่าง THAILANDPLANT BASED FOOD HUB ผลผลิตจากถั่วเขียวคุณภาพดี รับเทรนด์ PROTEIN PLANT BASED
3. Digital for Downstream Agro Business (DD) : การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยเกษตรปลายน้ำ ได้นำเสนอโครงการ “การส่งเสริมความยั่งยืนในภาคการเกษตรด้วยเทคโนโลยีดิจิตอล (Incentivizing Sustainable Agriculture by Digital Technology)” ได้นำเสนอยุทธศาสตร์และแนวทางส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิตอลช่วยด้านการขาย หรือการตลาดในภาคการเกษตร เพื่อเพิ่มรายได้และลดรายจ่ายแก่เกษตรกร อาทิ Solution Provider ช่วยเกษตรกร นำ Carbon Credit มาเป็น incentive สร้างรายได้ส่วนเพิ่ม ใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการประเมินการกักเก็บ Carbon และบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ทำ International Platform เชื่อมโยงผู้ซื้อกับผู้ขาย Carbon Credit ต่อยอดการหาตลาดและประสาน ความร่วมมือกับทุกภาคส่วน โดยมีการนำเสนอเกษตรกรสวนยางเป็นกรณีตัวอย่าง
![](https://thejournalistclub.com/wp-content/uploads/2022/06/13.jpeg)
4. Digital Manpower (DM) : การขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล Digital Manpower นำเสนอโครงการ “เราจะนำเทคโนโลยดิจิทัลมาช่วยเกษตรกรให้มีรายได้เพิ่มขึ้น ลดค่าใช้จ่ายได้อย่างไร” มีการนำเสนอโครงการมันแก้จนที่จังหวัดนครสวรรค์ เป็น Pilot Model มีการนำเทคโนโลยี แพลตฟอร์มเกษตรอัจฉริยะ สร้างการมีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคเกษตรกร รวมถึงผู้ให้บริการทางด้านเทคโนโลยีต่างๆ และการใช้ Value Chain โดยการใช้กระบวนการด้านการตลาดเป็นตัวนำการผลิต