

- เตรียมแผนสำรองน้ำ ลดผลกระทบพื้นที่เสี่ยงขาดน้ำ
- วางแผนบริหารจัดการน้ำยาวถึงปี 67 รองรับเอลนีโญ
นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมการประเมินสถานการณ์น้ำว่า ในระยะนี้ กอนช. จะมีการประชุมเพื่อติดตามและประเมินสถานการณ์น้ำเป็นประจำทุกสัปดาห์ ตามข้อสั่งการของพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ กอนช. เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรับมือกับผลกระทบของสภาวะเอลนีโญ ซึ่งมีแนวโน้มจะเกิดขึ้นยาวไปถึงปีหน้า

โดยคาดการณ์ว่าสถานการณ์น้ำในปี 2566 และ 2567 จะคล้ายกับสถานการณ์น้ำเมื่อปี 2562 ซึ่งเกิดสภาวะเอลนีโญต่อเนื่องจนถึงปี 2563 เช่นเดียวกัน ที่ประชุมได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมทรัพยากรน้ำ กรมชลประทาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ฯลฯ จัดทำข้อมูลเพิ่มเติมในการบริหารจัดการน้ำเขื่อนต่างๆ รวมถึงแหล่งน้ำสำรองในการให้ความช่วยเหลือประชาชนให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด โดยใช้ข้อมูลในปี 2563 เพื่อประเมินปริมาณน้ำต้นทุน ณ วันที่ 1 พ.ย. 2567 สำหรับใช้ในการบริหารจัดการน้ำระยะยาว 2 ปี โดยมุ่งกักเก็บน้ำต้นทุนส่งต่อไปยังปี 2567 ให้ได้มากที่สุด เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดภัยแล้งหากยังคงมีปริมาณฝนน้อยต่อเนื่องถึงปีหน้า เนื่องจากปัจจุบันคาดว่าเมื่อสิ้นสุดฤดูฝนปีนี้ ปริมาณน้ำต้นทุน ณ วันที่ 1 พ.ย. 2566 จะมีปริมาณเพียง 60-70% เท่านั้น

เนื่องจากมีปริมาณฝนน้อย ส่งผลให้ขณะนี้มีน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำต่าง ๆ น้อยมาก เช่น เขื่อนสิริกิติ์ ซึ่งขณะนี้มีปริมาณน้ำน้อย ปัจจุบันจึงต้องใช้น้ำจากเขื่อนภูมิพลในการช่วยหล่อเลี้ยงเกษตรกรในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา อย่างไรก็ตาม เนื่องจากไม่มีน้ำไหลเข้าเพิ่ม ปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพลจึงพร่องลงไปเรื่อย ๆ ดังนั้น ในปีนี้จึงต้องมีการเน้นย้ำในเรื่องการรณรงค์ช่วยกันใช้น้ำอย่างประหยัด สร้างความรู้ความเข้าใจให้เกษตรกรได้เข้าใจสถานการณ์น้ำทั้งในปีนี้และปีหน้า โดยส่งเสริมให้มีการเพาะปลูกเพียงหนึ่งรอบเท่านั้น เพื่อสงวนน้ำไว้สำหรับกิจกรรมต่าง ๆ ในฤดูแล้งที่จะมาถึง โดยให้ความสำคัญกับน้ำอุปโภคบริโภคเป็นอันดับแรก รวมถึงป้องกันการยืนต้นตายของไม้ผล ไปจนถึงการใช้น้ำในภาคอุตสาหกรรมและรักษาระบบนิเวศ

โดยขอให้เกษตรกรติดตามข่าวสารจากภาครัฐอย่างใกล้ชิดเพื่อลดความเสี่ยงของการเพาะปลูกจากฝนทิ้งช่วง ทั้งนี้ กรมชลประทานยังได้มีการส่งเสริมการปลูกข้าวเบาที่มีอายุสั้นและเก็บเกี่ยวได้เร็ว เพื่อให้ได้ผลผลิตที่สมบูรณ์ที่สุด รวมถึงส่งเสริมให้ประชาชนพัฒนาแหล่งน้ำของตนเองเพื่อรองรับหากเกิดสถานการณ์ฝนทิ้งช่วงด้วย ทั้งนี้ การบริหารจัดการน้ำจะเป็นไปอย่างรอบคอบ คำนึงถึงผลกระทบระยะยาวเพื่อสำรองน้ำไว้จนถึงปี 2567 ให้ได้มากที่สุด เพื่อบริหารความเสี่ยงหากสภาวะเอลนีโญเกิดขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงปี 2568 ด้วย

นายสุรสีห์ กล่าวต่อว่า สำหรับพื้นที่ประสบภัยแล้ง ตามประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เช่น อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ อ.เกาะสีชัง จ.ชลบุรี เป็นต้น สทนช. ได้ติดตามสถานการณ์และประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง โดยหากประชาชนในพื้นที่ใดได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาการขาดแคลนน้ำ สามารถแจ้งข้อมูลเข้ามาได้ที่เพจเฟซบุ๊คของ สทนช. หรือแจ้งไปยัง สทนช.ทั้ง 4 ภาค โดยจะมีการติดตามตรวจสอบและประสานงานให้ความช่วยเหลือเพื่อแก้ไขและบรรเทาปัญหาโดยเร็วที่สุด