

- อบรมอาจารย์โรงเรียนในกรุงเทพมหานคร 119 โรงเรียน
- ให้ตระหนักถึงวิธีการวางแผนทางการเงิน-การออมเงิน
- หวังให้ประชาชนเข้าสู่วัยเกษียณอย่างมีคุณภาพ
วันนี้ (21 ธันวาคม 2563) ณ ห้องประชุมราชวัลลภ ชั้น 2 อาคารราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ระหว่าง กองทุนการออมแห่งชาติ(กอช.) กับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) เพื่อส่งเสริมวินัยการออมกับ กอช. ในกลุ่มนักเรียน และบุคลากรในสถานศึกษา ให้มีเงินบำนาญรายเดือนไว้ใช้หลังอายุ 60 ปี กับ กอช. ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ โดยมี นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในพิธี
นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการ จะร่วมส่งเสริมให้สถานศึกษาภายใต้การกำกับดูแล ได้ร่วมกันส่งเสริมให้เด็กนักเรียนได้รู้จักการออมเงินเพื่อวางแผนอนาคตตนเอง เพื่อความมั่นคงทางการเงิน และตอบสนองต่อแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561– 2580) ยุทธศาสตร์ที่ 4 ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคมนั้น ในเรื่องการรองรับสังคมสูงวัยอย่างมีคุณภาพ โดยเฉพาะการส่งเสริมการออมและการลงทุนระยะยาวของประชาชนตั้งแต่ก่อนเกษียณอายุ เพื่อสร้างหลักประกันและความมั่นคงในการดำรงชีวิตหลังเกษียณในระดับพื้นฐาน เพื่อให้ประชาชนเข้าสู่วัยเกษียณอย่างมีคุณภาพ
ทั้งนี้กองทุนการออมแห่งชาติ หรือ กอช. จะช่วยส่งเสริมให้เด็กนักเรียน ได้ตระหนักถึงการออมตั้งแต่วัยเรียน เป็นการปลูกฝังให้เด็กได้รู้จักจัดการเงิน รู้จักเก็บออม สร้างนิสัยการออมเงินเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นรากฐานที่สำคัญของอนาคต สำหรับน้องนักเรียนที่ยังเรียนอยู่ สามารถบริหารแบ่งเงินค่าขนมบางส่วนมาออมไว้ เพียงเริ่มวางแผนออมเงินวันละ 1 บาท พอมีเงินครบ 50 บาท ก็สามารถนำมาออมกับกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) รัฐบาลจะสมทบเงินเพิ่มให้ 50% ของเงินออม คิดเป็นเงิน 25 บาท สูงสุด 600 บาทต่อปี

ความพิเศษของการออมเงินเพื่ออนาคตกับ กอช. ได้ประโยชน์ 4 ต่อ ดังนี้
ต่อที่ 1 รับเงินสมทบจากรัฐบาล 50 – 100% ตามช่วงอายุ
ต่อที่ 2 รัฐบาลค้ำประกันผลตอบแทนจากการลงทุน
ต่อที่ 3 ออมเงินตามความพร้อมของตนเอง ขั้นต่ำ 50 บาทต่อปี
ต่อที่ 4 มีเงินรายเดือนไว้ใช้ในอนาคต
นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) กล่าวว่า กอช. มีวัตถุประสงค์หลักในการส่งเสริมการออมให้ครอบคลุม ทั่วถึงประชาชนที่ไม่มีสวัสดิการบำเหน็จ บำนาญ ให้มีความมั่นคงทางการเงิน ตั้งแต่ 50 บาท สูงสุด 13,200 บาทต่อปี รัฐบาลจะเติมเงินสมทบเพิ่มให้ตามช่วงอายุ อายุ 15 – 30 ปี รัฐสมทบให้ 50% ของเงินออมสะสม สูงสุด 600 บาทต่อปี อายุมากกว่า 30 – 50 ปี รัฐสมทบให้ 80% ของเงินออมสะสม สูงสุด 960 บาทต่อปี อายุมากกว่า50 – 60 ปี รัฐสมทบให้ 100% ของเงินออมสะสม สูงสุด 1,200 บาทต่อปี
นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กล่าวว่า ทาง สพฐ. ได้ร่วมกับ กอช. ในการบูรณาการการทำงานร่วมกันในการอบรมให้ความรู้แก่คณาจารย์ ในโรงเรียนสังกัด สพฐ. ทั่วประเทศ โดยนำร่องโรงเรียน กรุงเทพมหานคร จำนวน 119 โรงเรียน ให้ตระหนักถึงวิธีการวางแผนทางการเงิน การออมเงิน ซึ่งจะขยายผลการอบรมให้ความรู้แก่ นักเรียน ในสถานศึกษา ที่มีอายุ 15 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ได้มีการวางแผนออมเงินเพื่ออนาคตและสนับสนุนให้แต่ละโรงเรียนส่งเสริมการออมในสถานศึกษา และสมัครเป็นสมาชิก กอช.
โดยมอบหมายให้แต่ละสถานศึกษาให้มีตัวแทน กอช. ในสถานศึกษา เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวแทนในการให้ข้อมูลข่าวสารของ กอช. แก่นักเรียนในสถานศึกษา ทั้งสนับสนุนให้ กอช. เป็นหนึ่งในวิชาทางเลือกให้กับนักเรียน ในโรงเรียนภายใต้การกำกับดูแลของ สพฐ. และมอบหมายให้สำนักเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเป็นผู้ประสานงานกับสถานศึกษาในสังกัดแต่ละเขตพื้นที่การศึกษา
“สพฐ. ร่วมกับ กอช. ดำเนินการอบรมให้ความรู้ในเรื่องการวางแผนการเงินกับ กอช. รายละเอียดข้อมูล กอช. วิธีการสมัคร หรือ ส่งเงินออมสะสมกับ กอช. พร้อมมีการอบรมหลักสูตร “Train the Trainer: Happy Money สุขเงิน สร้างได้” ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ผู้เชี่ยวชาญการวางแผนการเงินมาให้ความรู้ควบคู่ไปด้วย เพื่อส่งเสริมการออมให้กับบุคลากรภายใต้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) อาทิ บุคลากร ครูลูกจ้าง ลูกจ้างทั่วไป กลุ่มนักเรียน นักศึกษา ที่มีอายุ 15 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ได้เข้าถึงการออมเงินกับ กอช. พร้อมรับเงินสมทบเพิ่มจากรัฐบาลเป็นเงินบำนาญจากรัฐครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ”