![http://www.botanwang.com/node/14701](https://thejournalistclub.com/wp-content/uploads/2019/11/532A8E87-CF6D-4169-8A42-F8A1F1884551.jpeg)
- ปีหน้าเงินบาทแข็งโป้ก 29.25 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
- แบไต๋หั่นจีดีพีปีนี้โตต่ำกว่า 2.8%
นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มค่าเงินบาท ยังคงแข็งค่าจากความเสี่ยงของโลกยังสูง ทำให้นักลงทุนต้องการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ค่าเงินบาท เพราะไทยมีศักยภาพต่างประเทศที่แข็งแกร่ง ทั้งดุลบัญชีเกินดุลสูง คาดเกินดุล 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปีหน้า (2563) และอัตราเงินเฟ้อต่ำ จึงเป็นปัจจัยที่เงินไหลเข้าต่อเนื่อง บวกกับเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มอ่อนค่าจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ( เฟด) จะลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีหน้า
“ประเมินเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องอยู่ที่ 29.70 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯช่วงกลางปี และสิ้นปี 2563 ค่าเงินบาทจะแข็งค่าถึง 29.25 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งการที่เงินบาทแข็งค่ามากกระทบต่อขีดความสามารถทางการแข่งขันของส่งออกไทย ทำให้สัดส่วนการส่งออกของไทย (มาร์เก็ตแชร์) ในตลาดโลกลดลงจาก 1.50 % เหลือ 1.38 %”
อย่างไรก็ตามประเทศไทยมีปัญหาเชิงโครงสร้าง สังคมกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ หนี้ครัวเรือนสูง เศรษฐกิจยังเปราะบาง แม้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมีการลดดอกเบี้ย แต่ก็ไม่ได้ประโยชน์เท่าที่ควร
นายกอบสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า ธนาคารจะปรับลดอัตราขยายตัวเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ลง จากที่คาดว่าขยายตัว 2.8% และคาดว่าการส่งออกจะหดตัวเพิ่มจากที่คาดว่าหดตัว 1% หลังจากจีดีพีไตรมาส 3/2562 ออกมาโต 2.4% ซึ่งต่ำกว่าที่คาด โดยจีดีพีปีหน้า คาดว่าขยายตัว 2.7% การส่งออกติดลบ 2 ฝ% หากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ยังไม่สามารถตกลงกันได้ ซึ่งประเทศไทยจะยังได้รับผลกระทบ ผ่านการเป็นห่วงโซ่การผลิตของจีน และความต้องการในตลาดโลกที่ต่ำลง จะส่งผลทำให้การลงทุนภาคเอกชนอ่อนแอลงต่อเนื่องมาถึงการจ้างงานนอกภาค การเกษตรลดลงไปด้วย ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล มองว่าเป็นมาตรการตั้งรับ และเป็นเพียงมาตรการระยะสั้น เช่น ชิมช้อป ใช้ และช้อปช่วยชาติ เป็นการดึงกำลังซื้อผู้บริโภคให้เร็วขึ้น แต่หลังจากนั้นกำลังซื้อผู้บริโภคก็จะอ่อนแอลง