กรมธุรกิจพลังงานเผยสถานการณ์การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงครึ่งปีแรก 66

กรมธุรกิจพลังงานเปิดยอดใช้น้ำมันเชื้อเพลิงครึ่งปีแรก 66 พบยอดเบนซินขยับขึ้น-ดีเซลลดลงคาดครึ่งปีหลังยอดใช้จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 2%

  • เหตุจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการปรับตัวของธุรกิจที่พึ่งพาการขนส่งมากขึ้น
  • พบการใช้น้ำมันอากาศยานเฉลี่ยอยู่ที่ 13.45 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น 80.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อน การเดินทางฟื้นตัว
  • เผยความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาถังก๊าซหุงต้ม ออก 6 มาตรการดูแลเข้ม

นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยถึงภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงครึ่งปีแรก ของปี 2566 (ม.ค.-มิ.ย.) ว่า มียอดใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 156.74 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 2.7% และคาดว่าภาพรวมทั้งปีการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงทุกชนิดมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ

ทั้งนี้ สำหรับครึ่งปีแรก การใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน เฉลี่ยอยู่ที่ 31.96 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน5.9% การใช้น้ำมันกลุ่มดีเซล เฉลี่ยอยู่ที่ 72.30 ล้านลิตร/วัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.7% เนื่องด้วยปัจจัยด้านราคา ทั้งนี้ ภาครัฐยังคงมาตรการช่วยเหลือราคาน้ำมันดีเซลอย่างต่อเนื่อง โดยภายหลังจากมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลง 5 บาท/ลิตร สิ้นสุดลงในวันที่ 20 ก.ค. 2566 จะอาศัยกลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงรักษาเสถียรภาพราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล ตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค. 2566 เป็นต้นไป

นางสาวนันธิกา กล่าวต่อว่า ด้านการใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เฉลี่ยอยู่ที่ 13.45 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 80.9% จากการฟื้นตัวของการเดินทางทางอากาศภายหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย การใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) เฉลี่ยอยู่ที่ 17.69 ล้านกก./วัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1.4% โดยส่วนใหญ่มาจากการใช้ลดลงในภาคอุตสาหกรรมปิโตรเคมี 4.2%

“กรมฯ คาดการณ์การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงครึ่งปีหลัง ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2% จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการปรับตัวของธุรกิจที่พึ่งพาการขนส่งมากขึ้น โดยน้ำมันกลุ่มเบนซินปรับเพิ่มขึ้น 1.2% น้ำมันดีเซลปรับลดลง 1.9% น้ำมัน JET A1 ปรับเพิ่มขึ้น 30.6% และ LPG เพิ่มขึ้น 5.7% โดยการคาดการณ์ของกรมฯ ยังสอดคล้องกับการคาดการณ์ของหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง” นางสาวนันธิกา กล่าว

นอกจากนี้ กรมฯ ยังคาดว่าการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยปี 2566 ในภาพรวมยกเว้นน้ำมัน JET A1 จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติหลังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 เนื่องจากธุรกิจการบินอยู่ระหว่างการฟื้นฟู และการเติบโตของเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยลดการเดินทางไกล

นางสาวนันธิกา กล่าวด้วยว่า สำหรับการแก้ไขปัญหาระบบการค้าและความปลอดภัยก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ภาคครัวเรือน หรือ ก๊าซหุงต้ม กรมธุรกิจพลังงานโดยคณะทำงานแก้ไขปัญหาก๊าซปิโตรเลียมเหลวในภาคครัวเรือนได้จับมือร่วมกับภาครัฐ และเอกชนที่เกี่ยวข้องทั้งห่วงโซ่อุปทาน เพื่อกำหนดมาตรการร่วมกัน ประกอบด้วย

1. กำหนดมาตรฐานและคุณภาพถังก๊าซหุงต้ม โดยกรม ผู้ค้าก๊าซหุงต้ม และผู้แทนโรงบรรจุและร้านจำหน่าย ร่วมกันพิจารณาเกณฑ์การคัดสภาพถังกลาง เพื่อใช้เป็นแนวทางดำเนินการร่วมกัน พร้อมทั้งขอให้โรงบรรจุรับคืนถังเสื่อมสภาพจากร้านจำหน่าย เพื่อส่งผู้ค้าฯ ดำเนินการต่อไป

2. มาตรการด้านกฎหมายความปลอดภัยโรงบรรจุและร้านจำหน่าย จัดทำขั้นตอนการตรวจตราและบันทึกการตรวจสอบ (Checklist) พร้อมซักซ้อมความเข้าใจสำนักงานพลังงานจังหวัดทั่วประเทศ

3. มาตรการด้านกฎหมายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประสานความร่วมมือสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(สมอ.) สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และกรมทรัพย์สินทางปัญญา (ทป.) จัดทำขั้นตอนการดำเนินการเมื่อพบถังไม่ได้คุณภาพ

4. การร้องเรียนและการสื่อสารประชาสัมพันธ์ จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์เผยแพร่อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ อยู่ระหว่างหารือผู้ค้าฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการจัดตั้ง Hotline รับเรื่องร้องเรียน คาดจะเริ่มดำเนินการภายในเดือน ก.ย. 2566

5. การเพิ่มประสิทธิภาพการเรียกเก็บและการซ่อมถังก๊าซหุงต้ม กรมได้ขอความร่วมมือผู้ค้าฯ ที่มีศักยภาพซ่อมถัง ให้เปิดรับบริการผู้ค้าฯ รายอื่น เพื่อลดข้อจำกัดการขนส่งและระยะเวลาการซ่อม ตลอดจนการประสานความร่วมมือเรียกเก็บถังทั่วประเทศอย่างเป็นระบบ ซึ่งแนวทางอยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียดร่วมกับผู้ค้าและผู้ที่เกี่ยวข้องก่อนดำเนินการภายในเดือน ต.ค. 2566

6. การแก้ไขปัญหาการลักลอบเติมถังก๊าซหุงต้มในสถานีบริการ เพื่อความปลอดภัยของประชาชน และลดการกระทำผิด กรมฯ ได้กำหนดอัตราปรับเต็มขั้น และกำชับพนักงานเจ้าหน้าที่ประจำพื้นที่ออกตรวจตราเข้มข้นมากขึ้น

“กรมธุรกิจพลังงานยืนยันเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาถังก๊าซหุงต้มทั้งระบบโดยประสานความร่วมมือภาครัฐและเอกชน เพื่อสร้างความมั่นใจด้านคุณภาพและความปลอดภัยให้ประชาชน และให้ธุรกิจดำเนินไปอย่างเป็นธรรมต่อทุกภาคส่วนโดยยึดประโยชน์ของภาคประชาชนเป็นสำคัญ ซึ่งกรมได้ประสานผู้ค้า ตัวแทนร้านจำหน่ายก๊าซ และตัวแทนโรงบรรจุ ตลอดจนพลังงานจังหวัดทั่วประเทศสร้างความรู้ความเข้าใจการดำเนินการที่ถูกต้อง เพิ่มความถี่การตรวจตราและติดตามประเมินผลอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ กรมจะรายงานความคืบหน้าแจ้งต่อสาธารณะเป็นระยะ ต่อไป” นางสาวนันธิกา กล่าว