กรมชลเร่งสร้างระบบระบายน้ำเพื่อบรรเทาปัญหาอุทกภัยเมืองนครฯ

  • สืบสาน รักษาและต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
  • ช่วยระบายน้ำลงสู่ทะเลให้รวดเร็วขึ้น
  • เพื่อให้เกิดความยั่งยืนภายในปี 2566

นายประพิศ จันทร์มา รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทานมีความมุ่งมั่นตั้งใจในการดำเนินงานโครงการพระราชดำริ  เพื่อประโยชน์ของพี่น้องชาวนครศรีธรรมราช อย่างแท้จริง ซึ่งความสำเร็จของโครงการจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยความร่วมมือร่วมใจของพี่น้องที่เป็นเจ้าของพื้นที่ ตลอดจนการบูรณาการร่วมกันของหน่วยงานในทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา (2561-2563)  กรมชลประทาน ได้เตรียมความพร้อมการดำเนินโครงการ เริ่มด้วยการเร่งจัดหาที่ดิน จำนวนทั้งหมด 1,770 แปลง รวมทั้งสิ้น 2,616 ไร่ ตามแผนของโครงการฯ ขณะนี้ได้สำรวจปักหลักเขตไปแล้ว 1,712 แปลง  จำนวน 2,534 ไร่  หรือร้อยละ 96.87  ดำเนินการจ่ายค่าทดแทนที่ดินแล้ว 1,208 แปลง  จำนวน 1,751 ไร่ หรือกว่าร้อยละ 66.93 ของเนื้อที่ทั้งหมด เป็นเงิน 768.70 ล้านบาท ภายในเดือนธันวาคม 2563 นี้ จะดำเนินการจ่ายค่าทดแทนที่ดินอีก 161 แปลง จำนวน  183 ไร่  เป็นเงิน 101.82 ล้านบาท รวมเป็นร้อยละ 73.92 กรมชลประทานจะเร่งดำเนินการจ่ายค่าทดแทนที่ดินส่วนที่เหลือให้แล้วเสร็จตามระเบียบขั้นตอนราชการต่อไป  

ปัจจุบัน โครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราช มีความก้าวหน้า ดังนี้  งานเพิ่มประสิทธิภาพคลองระบายน้ำท่าเรือ-หัวตรุด มีความก้าวหน้าร้อยละ 38 งานประตูระบายน้ำคลองท่าเรือ-หัวตรุด ช่วงกม.0+215 ก้าวหน้าแล้วกว่าร้อยละ 59 และ กม.9+200 ก้าวหน้าไปแล้วร้อยละ 60 ส่วนงานก่อสร้างคลองระบายน้ำเพิ่มใหม่ 3 สาย พร้อมอาคารประกอบนั้น กรมชลประทานได้จ้างเหมาดำเนินการ แยกเป็นงานจ้าง 3 สัญญาด้วยกัน อายุสัญญาทั้ง 3 โครงการ จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างช่วงปี 2562  และแล้วเสร็จภายในปี 2566  โดยกรมชลประทานได้เร่งส่งมอบพื้นที่ให้ผู้รับจ้างดำเนินงานตามแผนที่กำหนดไว้

 เมื่อโครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราชอันเนื่องมาจากพระราชดำริเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2566 จะสามารถบรรเทาอุทกภัยในเขตเมืองนครศรีธรรมราชโดยลดพื้นที่น้ำท่วมได้ประมาณร้อยละ 90  ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 12 ตำบล ทั้งในเขตเทศบาลเมืองนครศรีธรรมราช และพื้นที่ใกล้เคียงได้แก่ ตำบลท่าวัง ตำบลคลัง ตำบลท่าซัก ตำบลปากนคร ตำบลท่าไร่ ตำบลบางจาก ตำบลท่าเรือ ตำบลมะม่วงสองต้น ตำบลไชยมนตรี อำเภอเมือง และพื้นที่บางส่วนของอำเภอพระพรหม ได้แก่ ตำบลช้างซ้าย ตำบลนาพรุ ตำบลนาสาร  คิดเป็นครัวเรือนที่ได้รับประโยชน์ 32,253 ครัวเรือน รวมทั้งเป็นแหล่งกักเก็บน้ำต้นทุนไว้ใช้ในการอุปโภคบริโภคและการเกษตรในฤดูแล้งได้มากถึง 5.50  ล้านลูกบาศก์เมตร  มีพื้นที่รับประโยชน์สองฝั่งคลองระบายน้ำอีก  17,400 ไร่