กรมชลฯ พร้อมรับมือค่าความเค็ม ช่วงน้ำทะเลหนุนสูงพรุ่งนี้

  • เพิ่มระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา
  • ควบคู่ปิด-เปิดประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์
  • เน้นให้สัมพันธ์กับจังหวะน้ำขึ้น-น้ำลง
  • มั่นใจไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำประปา

นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า วันพรุ่งนี้ (25 ม.ค.) น้ำทะเลจะหนุนสูงสุดอีกครั้งของเดือนมกราคม แต่ระดับน้ำทะเลจะไม่สูงเท่าช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา แต่ได้เตรียมป้องกันและเฝ้าระวังค่าความเค็มของน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา ด้วยการเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาจาก 75 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวินาทีเป็น 90 ลบ.ม. ต่อวินาที ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม เป็นต้นมา โดยจะระบายอัตรานี้ต่อเนื่องจนถึงวันที่ 26 มกราคม จากนั้นจะระบาย 80 ลบ.ม. ต่อวินาทีระหว่างวันที่  26-28 มกราคม และตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม จะคงอัตราการระบาย 75 ลบ.ม. ต่อวินาทีอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การใช้น้ำเป็นไปตามแผน

สำหรับการระบายจากเขื่อนเจ้าพระยาอัตราสูงขึ้นนั้น ทำได้ เพราะระบายน้ำจากเขื่อนหลัก 4 เขื่อน คือ ภูมิพล สิริกิติ์ แควน้อยบำรุงแดน และป่าสักชลสิทธิ์ เพิ่มขึ้นก่อนหน้า นอกจากนี้ ยังผันน้ำจากแม่น้ำแม่กลองมายังแม่น้ำท่าจีน ผ่านคลองพระยาบันลือและคลองพระพิมล โดยติดตั้งเครื่องสูบน้ำและเครื่องผลักดันน้ำให้ลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาโดยเร็ว ติดตั้งกาลักน้ำและเครื่องสูบน้ำที่คลองปลายบาง บริหารจัดการน้ำที่ประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ตามจังหวะขึ้นลงของน้ำทะเล พร้อมกันนี้ประสานกับสำนักงานการระบายน้ำ กรุงเทพมหานครหยุดสูบระบายน้ำลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาในช่วงน้ำทะเลขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำคุณภาพต่ำไหลย้อนขึ้นแม่น้ำเจ้าพระยาตอนบน 

นายทองเปลว กล่าวว่า จากการตรวจวัดค่าความเค็มที่สถานีสูบน้ำสำแล ปทุมธานีตั้งแต่เที่ยงคืนจนถึงเที่ยงวันนี้ (24 ม.ค.) ค่าความเค็มอยู่ที่ 0.19 กรัมต่อลิตร ต่ำกว่าอัตราที่มีผลต่อการผลิตน้ำประปา คือ 0.5 กรัมต่อลิตร อัตราที่มีผลต่อการเพาะปลูกกล้วยไม้ คือ 0.75 กรัมต่อลิตร และอัตราที่มีผลกระทบต่อภาคเกษตรกรรมคือ 5 กรัมต่อลิตร ซึ่งมั่นใจว่าวันพรุ่งนี้น้ำทะเลหนุนสูงสุดจะยังคงควบคุมค่าความเค็มไม่ให้เกิดผลกระทบต่อทุกภาคส่วนได้แน่นอน