“กรมชลประทาน”​ เกาะติดตามการระบายน้ำคลองชายทะเล บรรเทาน้ำท่วมในกทม.-ปริมณฑล

  • เดินเครื่องสูบน้ำบริเวณแนวคลองชายทะเล  9 แห่ง 
  • เพื่อเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลโดยเร็ว
  • ขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์น้ำใกล้ชิด จนกว่าจะสิ้นสุดฤดูฝน

นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน   เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ฝนตกหนักสะสมในช่วงที่ผ่านมา โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาชลหารพิจิตร ได้เดินเครื่องสูบน้ำบริเวณแนวคลองชายทะเล  9 แห่ง เพื่อเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลโดยเร็ว ปัจจุบันมีการระบายน้ำรวมกันประมาณ 22.18 ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน ซึ่งก่อนหน้านี้กรมชลประทานได้วางแผนเร่งระบายน้ำ เพื่อช่วยพื้นที่กรุงเทพมหานคร พร้อมระดมเครื่องจักร เครื่องมือ และเครื่องสูบน้ำ เข้าไปช่วยเหลือพื้นที่ประสบปัญหาน้ำท่วมขังอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ ได้กำชับให้สำนักเครื่องจักรกล และสำนักงานชลประทานที่ 11 ตรวจสอบระบบชลประทาน สถานีสูบน้ำ และประตูระบายน้ำต่างๆ ที่มีจุดเชื่อมต่อกับพื้นที่กรุงเทพมหานคร ให้มีความพร้อมในการเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่อย่างเต็มศักยภาพ  เตรียมพร้อมเครื่องจักร เครื่องมือ และเครื่องสูบน้ำ ให้พร้อมใช้งานและเข้าไปสนับสนุนการระบายน้ำได้ตลอดเวลา รวมทั้งได้เน้นย้ำให้เร่งรัดการดำเนินงานด้านต่างๆ ให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้อย่างเคร่งครัดและมีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับปริมาณฝนที่อาจตกลงมาเพิ่มได้อีกในระยะต่อไป จนกว่าจะสิ้นสุดฤดูฝน

ขณะที่ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) รายงานสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อวันที่ 11 กันยายน 65  ที่สถานี C.2 อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,690 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)/วินาที (วานนี้ 1,578 ลบ.ม./วินาที) ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 4.04 เมตร แนวโน้มเพิ่มขึ้น ควบคุมการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาที่สถานี C.13 อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ในอัตราประมาณ 1,598 ลบ.ม./วินาที (วานนี้ 1,500 ลบ.ม./วินาที) ระดับน้ำเหนือเขื่อน +16.12 เมตรเทียบกับระดับน้ำทะเลปานกลาง

ทั้งนี้ ฝนที่ตกชุกสะสมในพื้นที่ประเทศไทยตอนบน ส่งผลให้มีปริมาณน้ำท่าไหลลงสู่แม่น้ำสายหลัก ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น กรมชลประทาน จะทยอยปรับการระบายน้ำอย่างต่อเนื่องไปจนถึงเกณฑ์ 1,700 ลบ.ม./วินาที เพื่อให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์น้ำฝน-น้ำท่า จึงขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์น้ำในระยะนี้อย่างใกล้ชิด จนกว่าจะสิ้นสุดฤดูฝน