![cropped-26B93852-1AC7-4279-8185-862EEACD59F3.jpeg](https://mls8fhlsbb8r.i.optimole.com/cb:zWWv.13fd/w:auto/h:auto/q:mauto/ig:avif/https://thejournalistclub.com/wp-content/uploads/2019/08/cropped-26B93852-1AC7-4279-8185-862EEACD59F3-696x392.jpeg)
- จำนวน 1.5 ล้านตัน เพื่อเพิ่มการแข่งขัน
- ในธุรกิจนำเข้าก๊าซธรรมชาติ
- การันตีส่งผลดีค่าไฟฟ้าถูกลงในระยะยาว
นายพัฒนา แสงศรีโรจน์ โฆษกการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยถึงประเด็นการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ของ กฟผ.ว่า เป็นการดำเนินการตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เพื่อส่งเสริมการแข่งขันในกิจการก๊าซธรรมชาติในการเปิดเสรีแก่บุคคลที่สาม โดยมอบให้ กฟผ. นำร่องเป็นผู้จัดหาและนำเข้าแอลเอ็นจีไม่เกิน 1.5 ล้านตันต่อปี ซึ่ง กฟผ. ดำเนินการเปิดประมูลจัดหาและนำเข้าตามขั้นตอนอย่างเปิดเผยและโปร่งใส
“โครงการดังกล่าว ได้เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการทุกรายทั้งในประเทศและต่างประเทศแข่งขันเสนอราคา จนกระทั่งได้ผู้เสนอราคาแอลเอ็นจีที่มีราคาถูกกว่าราคาต่ำสุดของสัญญาจัดหาระยะยาวของประเทศในปัจจุบัน และหากนำไปเฉลี่ยรวมกับก๊าซธรรมชาติจาก อ่าวไทยและเมียนมาร์จะมีราคาถูกลงเมื่อเทียบกับแอลเอ็นจีที่ใช้อยู่ในระบบปัจจุบัน โดยจะนำไปใช้ในโรงไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงสุดของ กฟผ. เพื่อไม่ให้เกิดภาระต้นทุนการผลิตไฟฟ้า”
สำหรับ ความกังวลว่าการนำเข้าแอลเอ็นจีของ กฟผ. จะทำให้เกิดปัญหาค่าปรับตามสัญญาไม่ใช้ก็ต้องจ่าย หรือ Take or Pay ขอยืนยันว่า จะไม่เกิดปัญหา เนื่องจาก กฟผ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เตรียมแผนบริหารจัดการเพื่อไม่ให้เกิดค่า Take or Pay โดยสัญญาซื้อขายแอลเอ็นจีของ กฟผ. มีความยืดหยุ่น สามารถปรับลดปริมาณการนำเข้า โดยกำหนดปริมาณไว้ระหว่าง0.8 -1.5 ล้านตันต่อปี อีกทั้ง กฟผ. ได้เจรจากับบริษัทคู่สัญญาให้ดำเนินการขายแอลเอ็นจีส่วนที่ไม่ได้ใช้ให้กับรายอื่นแทน กฟผ. ต่อไป
“ กฟผ. ดำเนินการตามนโยบายของรัฐ เพื่อส่งเสริมให้เกิดประสิทธิภาพการแข่งขันในกิจการก๊าซธรรมชาติของประเทศ โดย กฟผ. เล็งเห็นถึงโอกาสในการเลือกซื้อแอลเอ็นจีในราคาต่ำสุด ทำให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุดจากใช้ไฟฟ้าราคาถูกลงในอนาคต “