

- ควรนำร่องกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว
- หวังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัว
นายสุพันธ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะประธานที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า ภาคเอกชนขอเสนอให้รัฐบาลตั้งคณะทำงาน โดยตั้งเป็นวาระเร่งด่วน เพื่อบริหารจัดการการฉีดวัคซีนให้กับคนไทย ทั้งการจัดทำกระบวนการจัดซื้อ นำเข้า จัดหา วิธีการในการฉีด รวมถึงการกระจายวัคซีนให้ชัดเจนเพียงพอต่อคนไทยที่จะเข้ารับวัคซีนที่คาดว่าจะมาถึงไทยเดือน ก.พ. 2564 และควรที่จะเริ่มฉีดตั้งแต่ ก.ค. 2564 เป็นต้นไป พร้อมมีการออกหนังสือรับรองบุคคลที่ได้รับวัคซีนแล้ว ซึ่งควรนำร่องกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น
โดยรัฐจะต้องฉีดให้คนไทยฟรี ส่วนลูกจ้างเอกชน ต่างด้าว ต่างชาติ นายจ้างจะเป็นผู้รับผิดชอบออกค่าใช้จ่ายในการฉีดวัคซีนเอง โดยขอให้รัฐออกมาตรการลดหย่อนภาษีเรื่องวัคซีนให้กับนายจ้าง เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนแก่ภาคธุรกิจอีกทางหนึ่ง
ส่วนของภาพรวมเศรษฐกิจ กกร.ยังคงอัตราการขยายของเศรษฐกิจไทย GDP เติบโตได้อยู่ในกรอบ 1.5-3.5% ตามที่ประมาณการไว้ก่อนหน้านี้ การส่งออกคาดจะขยายตัวได้ 3-5% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดจะขยายตัว 0.8-1% ภายใต้สถานการณ์ที่ไทยสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ดี และควบคู่กับมาตรการเยียวยาบรรเทาผลกระทบในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม มาตรการช่วยเหลือเงิน 3,500-4,500 บาท แก่ผู้ประกันตน ตามมาตรา 33 สำหรับ 9 ล้านคนนั้น เอกชนมองว่าเป็นการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ กระตุ้นการบริโภค ทำให้เกิดการใช้จ่ายหมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจได้หลายรอบ และคนหลายกลุ่มสามารถเข้าถึงได้ เห็นได้จากโครงการคนละครึ่งที่ผ่านมามีเงินเข้าระบบประมาณ 3-4 หมื่นล้านบาท เกิดการหมุนเวียนเงินในระบบเศรษฐกิจถึง 8 หมื่นล้านบาท
“ยอมรับว่า กกร.ยังมีความกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศเมียนมา หากมีการแทรกแซงทางการเมืองจากต่างประเทศ อาจส่งผลให้การค้าระหว่างไทยกับเมียนมาได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะการนำเข้าสินค้าจากไทย และขอให้การเปลี่ยนถ่ายอำนาจของรัฐบาลเมียนมาเป็นไปโดยสงบและให้คงข้อตกลงหรือสัญญากับประชาคมต่าง ๆ
ทั้งนี้ที่ผ่านมาไทยมีการลงทุนในเมียนมาประมาณ 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ มีมูลค่าลงทุนรวมตั้งแต่ปี 2548 ประมาณ 1.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนด้านพลังงาน
“ขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อรอให้สถานการณ์สงบโดยเร็ว แม้ล่าสุดด่านการค้าชายแดนจะเริ่มเปิดแล้ว แต่ภายใน 1-2 สัปดาห์นี้คงต้องติดตามดูความชัดเจนของนโยบายการค้าการลงทุนต่างๆ ของรัฐบาลใหม่ รวมถึงการแทรกแซงทางการเมืองจากต่างประเทศจะมีท่าทีอย่างไร เพื่อประเมินผลกระทบในระยะต่อไปอีกครั้ง”