กกต.เคาะแล้ว!พปชร.รอดทุกประเด็น

  • ปมโต๊ะจีนไม่เข้าข่ายแสวงหาผลกำไร
  • เพจ-ทวิตเตอร์-ไอจี “ลุงตู่”ไม่เข้าข่ายเจ้าของสื่อ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า กกต. ได้ทำหนังสือแจ้งถึงการพิจารณาเรื่องร้องเรียนลงนามโดย พันตำรวจเอกจรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ส่งถึงนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กรณีที่นายเรืองไกร ขอให้ตรวจสอบพรรคพลังประชารัฐ 5 ประเด็น

โดยกรณีการส่งชื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐว่าเป็นไปตามข้อบังคับของพรรค และขอให้ กกต.ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อยุบพรรคพลังประชารัฐนั้น กกต. ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วเห็นว่า การเสนอชื่อพลเอกประยุทธ์ของพรรคพลังประชารัฐ ชอบด้วยข้อบังคับของพรรค และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. รวมถึงระเบียบ กกต.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.แล้ว

ประเด็นที่ 2 พลเอกประยุทธ์ เป็นข้าราชการ หรือ เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ซึ่งต้องห้ามไม่ให้เสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น กกต.พิจารณาและมีมติแล้วว่าการประกาศชื่อพลเอกประยุทธ์เป็นผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีชอบด้วยกฎหมาย และเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ รวมถึงพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.

ส่วนกรณีที่พลเอกประยุทธ์ เปิดเฟซบุ๊ค อินสตราแกรม ทวิตเตอร์ รวมถึงเวปไซต์ส่วนตัว ชื่อประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้าลักษณะเป็นเจ้าของสื่อมวลชนใดๆ ที่อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 98(3) หรือไม่นั้น กกต.ได้พิจารณาและมีมติว่า กรณีดังกล่าวไม่อาจถือได้ว่า เข้าข่ายการเป็นเจ้าของกิจการสื่อมวลชนใดๆ อันมีผลเป็นการเข้าลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ

และประเด็นสุดท้ายการจัดกิจกรรมระดมทุน ด้วยการขายโต๊ะจีนในราคาโต๊ะละ 3 ล้านบาท เป็นการแสวงหากำไรมาแบ่งปันกัน อันเข้าลักษณะต้องห้ามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองหรือไม่นั้น กรณีดังกล่าวเป็นการจัดกิจกรรมของพรรคการเมืองตามพระราชัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง โดยวัตถุประสงค์ในการจัดระดมทุนนั้นเป็นการทำเพื่อนำเงินมาใช้ในกิจการของพรรคการเมือง แม้การขายโต๊ะจีนของพรรคพลังประชารัฐจะมีราคาสูงแต่ขึ้นอยู่อยู่กับความสามารถของผู้เข้าร่วมกิจกรรมระดมทุน ในการสนับสนุนกิจกรรมระดมทุนในครั้งนั้นๆ

นอกจากนั้นกฎหมายก็ได้จำกัดวงเงินของผู้สนับสนุนกิจกรรมระดมทุนไว้ ดังนั้นแม้การขายโต๊ะจีนมีราคาสูงก็ไม่ใช่เป็นการขายสินค้าในลักษณะเป็นการแสวงหากำไรมาแบ่งปันกัน ยังไม่ให้เป็นเหตุให้ยุบพรรคการเมือง

กกต.ยังวินิจฉัยด้วยว่าการเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐของนายอุตตม สาวนายน เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายและไม่เป็นเหตุให้ยุบพรรคพลังประชารัฐตามคำร้องของนายเรืองไกร กรณีที่ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรค โดยที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค อย่างไรก็ตามในเอกสารยังระบุด้วยว่าหากนายเรืองไกรมีพยานหลักฐานใหม่ อันสำคัญแก่การพิจารณา ซึ่งน่าจะทำให้ผลการพิจารณา เปลี่ยนแปลงไปให้แจ้งนายทะเนียบพรรคการเมืองพิจารณาต่อไปได้ด้วย