“แอตต้า”ขอความร่วมมือบริษัทนำเที่ยวงดจัดทัวร์ไปประเทศกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 ทุกกรณี



  • จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลงจากกระทรวงสาธารณสุข
  • เผยกรมการท่องเที่ยวส่งหนังสือกระทุ้ง
  • พบยังมีขายโปรไฟไหม้กันเกลื่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 4 มี.ค. 2563 สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว(แอตต้า) ได้ส่งจดหมายถึงสมาชิกบริษัทเที่ยว เพื่อขอความร่วมมืองดจัดรายการนำเที่ยวไปยังประเทศกลุ่มเสี่ยงต่อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) มีเนื้อหาว่าตามที่ได้มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในพื้นที่หลายประเทศและหลายภูมิภาค และได้มีประกาศจากกระทรวงสาธารณสุขให้โรคดังกล่าว เป็นโรคติดต่ออันตรายลำดับที่ 14 ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่ อ พ.ศ.2558 และแนะนำให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงในหลายประเทศนั้น ปัจจุบัน สำนักงานทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์กลาง ได้รับแจ้งว่ามีผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวบางรายยังคงขายรายการนำเที่ยวไปยังประเทศกลุ่มเสี่ยง อีกทั้งยังจัดรายการนำเที่ยวในลักษณะขายต่ำกว่าราคาทุน (โปรไฟไหม้) เพื่อดึงดูดใจนักท่องเที่ยว ในสภาวการณ์เช่นนี้ เพื่อเป็นการร่วมกันรับผิดชอบต่อสังคม ป้องกัน และลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดของโรคติดต่อดังกล่าว รวมถึง เพื่อความปลอดภัยของคนในชาติ ทางสมาคมฯ จึงขอความร่วมมือจากท่านสมาชิก ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวทุกท่านงดจัดรายการนำเที่ยวไปยังประเทศกลุ่มเสี่ยงต่อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทุกกรณี จนกว่าจะมีการประกาศเปลี่ยนแปลงจากกระทรวงสาธารณสุข


พร้อมกันนี้ได้แนบเอกสารจากสำนักงานทะเบี่ยนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์กลาง กรมการท่องเที่ยว กระทรวงท่องเที่ยวกีฬา ลงวันที่ 3 มี.ค. 2563 มีเนื้อหาว่าเนื่องจากปัจจุบัน สำนักงานทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์กลางได้รับข้อมูลว่ามีผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวบางรายยังคงขายรายการนำเที่ยวไปยังประเทศกลุ่มเสี่ยง อีกทั้งยังจัดรายการนำเที่ยวในลักษณะขายต่ำกว่าราคาทุน (โปรไฟไหม้) เพื่อดึงดูดใจนักท่องเที่ยว ในสภาวการณ์เช่นนี้ เพื่อเป็นการร่วมกันรับผิดชอบต่อสังคม ป้องกัน และลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดของโรคติดต่อดังกล่าว รวมถึงเพื่อความปลอดภัยของคนในชาติ สำนักงานทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์กลาง จึงขอความร่วมมือผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวงดจัดรายการนำเที่ยวไปยังประเทศกลุ่มเสี่ยงต่อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVIC-19)ทุกกรณี จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลงจากกระทรวงสาธารณสุข