“แม็คโคร” เผยเทรนด์วัตถุดิบนำเข้ายอดฮิตร้านอาหาร รับท่องเที่ยวฟื้นตัว



  • กลุ่มเนื้อวัวมาเป็นที่หนึ่ง ปี 66 คาดจะมีการนำเข้าราว 1,000 ตัน
  • ตามติดมาด้วยกลุ่มผักผลไม้ เผยส้มแมนดาริน มียอดนำเข้ากว่า 3,300 ตันต่อปี
  • กลุ่มที่สามคืออาหารทะเล แทสมาเนียนแซลมอน คาดปีนี้จะมีการนำเข้า 840 ตันต่อปี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงที่ธุรกิจร้านอาหารพากันคึกคัก รับภาคท่องเที่ยวที่กำลังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติท่องเที่ยวไทยในปี 2566 ประมาณ 25 ล้านคน จากปี2565 ที่มีนักท่องเที่ยว 11.8 ล้านคน ทำให้ความต้องการวัตถุดิบในการประกอบอาหารมีมากขึ้นหลายเท่าตัว   

ทั้งนี้ “แม็คโคร” ซึ่งเป็นแหล่งรวมวัตถุดิบนำเข้าจากทุกมุมโลก จึงเป็นจุดหมายที่ผู้ประกอบการร้านอาหาร รวมถึงกลุ่มลูกค้าทั่วไปนึกถึง โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการคัดสรรสินค้าจากแหล่งคุณภาพทั่วทุกมุมโลกกว่า 55 ประเทศ โดยเฉพาะสินค้าจากออสเตรเลีย ที่มีทั้งเนื้อวัว เนื้อแกะ อาหารทะเล ผักและผลไม้ เนย ชีส โยเกิร์ต กลุ่มซอสกลุ่มน้ำสลัด ซีเรียล และกาแฟฯ จำหน่ายในราคาเอื้อมถึงได้  ซึ่งหากรวมสถิติสินค้าขายดี ได้รับความนิยมสูงประกอบด้วย 4 กลุ่มสินค้าสำคัญ

กลุ่มแรก กลุ่มเนื้อวัว ที่มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ซึ่ง แม็คโคร ได้ชื่อว่า เป็นผู้นำเข้าเนื้อวัวสดจากออสเตรเลียอันดับ 1 ของไทย ในปี 2566 นี้ คาดว่าจะมีการนำเข้าราว 1,000 ตัน รองรับการเติบโตของธุรกิจอาหารที่เติบโตไม่หยุด บวกกับกระแสความนิยมบริโภคเนื้อที่มีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  

กลุ่มที่สอง คือกลุ่มผักผลไม้ที่ได้รับการยอมรับและมีชื่อเสียงในเรื่องของมาตรฐานความปลอดภัยโดยเฉพาะส้มแมนดารินมียอดนำเข้าถึงกว่า3,300ตันต่อปีถือว่ามากที่สุดในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกและเป็นส้มที่ลูกค้าตั้งตารอฤดูกาลในช่วงมิถุนายนธันวาคมส่วนแอปเปิลมีปริมาณนำเข้าไม่ธรรมดาคิดเป็น61%ของประเทศไทยนอกจากนี้ยังมีองุ่นหลากหลายสายพันธุ์ลูกแพร์ฯส่วนผักมีทั้งเซเลอรี่ผักสลัดแครอทเลมอนซึ่งเป็นที่ต้องการมากขึ้นของร้านอาหารที่เน้นคุณภาพ

กลุ่มที่สาม คือ อาหารทะเล อย่างแทสมาเนียนแซลมอน ปลาเนื้อสีส้มยอดฮิตในกลุ่มคนรักสุขภาพที่ใครๆ ก็พากันมาตามหาที่นี่ เพราะโดดเด่นในเรื่องราคาและความคุ้มค่า  ส่วนกลุ่มที่สี่ คือ กลุ่มชีส อาทิ ‘มอสซาเรลลา ชีส’ ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นจนมีอัตราการเติบโตจากปีที่แล้วถึง 20% ส่วนในปีนี้ คาดว่าจะมีการนำเข้าถึง 840 ตันต่อปี

ทั้งนี้ สินค้าเหล่านี้ ถูกคัดเลือกให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคยุคปัจจุบันที่ต้องการเลือกซื้อวัตถุดิบจากแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้มีมาตรฐาน  รวมถึงตอบโจทย์ ผู้ประกอบการร้านอาหาร และธุรกิจโฮเรก้า ที่ในช่วงนี้กำลังทุ่มเทสร้างสรรค์เมนูสร้างรายได้เสิร์ฟนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาลิ้มรสอาหารจากวัตถุดิบนานาชาติกันอย่างคึกคัก