![ชลน่าน34](https://mls8fhlsbb8r.i.optimole.com/cb:zWWv.13fd/w:696/h:468/q:mauto/ig:avif/https://thejournalistclub.com/wp-content/uploads/2023/12/ชลน่าน34.png)
หมอชลน่าน ชวนคนไทยเร่งปั๊มลูก “การเกิดคือการให้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด” สาธารณสุข ใช้ “ปลาตะเพียน” เป็นสื่อสัญลักษณ์ส่งเสริมการมีบุตร นัดประชุม 25 ธ.ค.นี้ จัดทำแผนส่งเสริมการเกิดเสนอเป็นวาระแห่งชาติ
- ดูแลครบทุกมิติทั้งสุขภาพ สังคม เศรษฐกิจ
- พร้อมฝาก อสม. ช่วยสื่อสาร
- เปลี่ยนทัศนคติ “การเกิดคือการให้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งใน 23 ประเทศ ที่มีอัตราการเกิดน้อยกว่าอัตราการตาย และประสบปัญหาเด็กเกิดน้อย ด้อยคุณภาพ หากไม่เร่งแก้ไขตัังแต่ตอนนี้ ในอนาคต 60 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะประสบปัญหาเรื่องการสร้างเศรษฐกิจ เนื่องจากจะมีประชากรลดลงเหลือ 33 ล้านคน ในจำนวนนี้จะมีวัยทำงานเพียง 14 ล้านคน ดังนั้นต้องช่วยกันเพิ่มการเกิดที่ดีมีคุณภาพ ส่งเสริมให้คนที่ต้องการมีบุตรได้มีบุตร โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มองว่าการมีบุตรกระทบต่อวิถีชีวิตและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของตนเอง สำหรับการใช้ปลาตะเพียนเป็นสัญลักษณ์ในการรณรงค์ เนื่องจากวัฒนธรรมไทยแต่โบราณมีการใช้ปลาตะเพียนสานเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมพัฒนาการเด็ก โดยผูกไว้เหนือเปลให้เด็กได้เคลื่อนไหวสายตาและการสัมผัส อีกทั้งปลาตะเพียนยังเป็นสัญลักษณ์ของสัตว์ที่สื่อถึงความอุดมสมบูรณ์ของดินและน้ำด้วย
สำหรับการส่งเสริมการมีบุตรนั้น จะขับเคลื่อนเป็นวาระแห่งชาติ โดยรัฐบาลมีความตั้งใจที่จะให้สิทธิอนามัยการเจริญพันธุ์เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนทุกคนในประเทศ เพื่อรักษาอัตราการเจริญพันธุ์รวมไม่ให้ลดลงเร็วจนเกินไป โดยกระทรวงสาธารณสุขได้ตั้งคณะกรรมการที่มีอธิบดีกรมอนามัย เป็นประธาน ทำงานร่วมกับคณะกรรมการอนามัยเจริญพันธุ์ ที่มาจากหลายหน่วยงาน หลายกระทรวง เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย เป็นต้น ซึ่งจะมีการประชุมวันที่ 25 ธันวาคมนี้ เพื่อยกร่างแผนส่งเสริมการเกิดให้เป็นวาระแห่งชาติ ว่าลูกเกิดรอด แม่ปลอดภัย เด็กเกิดมามีคุณภาพดี เป็นที่ยอมรับ และทุกภาคส่วนควรมีส่วนร่วมอย่างไร
![](https://mls8fhlsbb8r.i.optimole.com/cb:zWWv.13fd/w:auto/h:auto/q:mauto/ig:avif/https://thejournalistclub.com/wp-content/uploads/2023/12/ชลน่าน2.jpg)
“คนที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ ถือเป็นบุคคลสำคัญที่เราต้องดูแล ตั้งแต่ก่อนแต่งงานดูความพร้อมทางสุขภาพ หลังแต่งงานดูแลให้มีลูก ขณะตั้งครรภ์ ดูแลสุขภาพของแม่และทารกในครรภ์จนถึงคลอด ตรวจคัดกรองโรคทางพันธุกรรม 40 โรค ส่วนมิติอื่นๆ เช่น สังคม เศรษฐกิจ ก็มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในคณะกรรมการรับผิดชอบ นอกจากนี้ ยังได้ฝากให้ อสม. ซึ่งอยู่ใกล้ชิดกับชุมชนช่วยสื่อสารให้คนเห็นความสำคัญของการมีบุตร และปรับมุมมองใหม่ว่า การเกิดเป็นการให้ที่ยิ่งใหญ่ของโลก”