

- มีผู้ประกันตนรายใหม่เพิ่ม 479,829 ราย
- เผยคนสมัครงานจบไม่ตรงตลาดต้องการ
- หาแนวทางช่วยเหลือคนกลับชนบท
วันที่ 27 ต.ค. 63 ในการประชุมรัฐสภา นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า นโยบายที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กำชับกระทรวงแรงงานแก้ไขปัญหาที่ผ่านมา ในวันนี้ ผมขอชี้แจงว่า เนื่องจากมีการอภิปรายเรื่องของภาคแรงงาน การจ้างงาน และการตกงาน ซึ่งเป็นสิ่งเริ่มต้น เป็นตัวจักรเศรษฐกิจ โดยได้พูดถึงตัวเลข สถิติเพื่อสร้างความมั่นใจในระบบเศรษฐกิจ การจ้างงานตัวเลขอัพเดตถึง 15 ต.ค.นี้ ก่อนหน้านี้ช่วงที่เกิดโควิดมีการเลิกจ้างงาน ตกงานเป็นจำนวนมหาศาล
แต่ว่า ณ วันนี้ผู้ประกันตนที่ตกงานช่วงที่เกิดโควิด 814,000 กว่ารายนั้น บุคคลเหล่านี้จะมีตัวเลข 13 หลักอยู่ในระบบประกันสังคม แต่คนกลุ่มนี้ได้กลับเข้ามาสู่ระบบการจ้างงานใหม่ ณ วันนี้ 94,246 คน แปลว่าคนที่ตกงานช่วงโควิดได้กลับเข้าสู่ระบบการจ้างงาน เข้ามาเพิ่มอีกเกือบแสนราย แต่มีตัวเลขที่น่าสังเกตและเป็นตัวเลขที่ต้องมาวิเคราะห์กัน คือตัวเลขผู้ประกันตนรายใหม่ซึ่งไม่เคยมีรายชื่ออยู่ในระบบประกันสังคม ช่วงเดือนมี.ค.-ก.ย. รวม 6 เดือน มีตัวเลขอยู่ที่ 479,829 ราย
ผู้ประกันตนกลุ่มนี้คือกลุ่มใหม่ ซึ่งไม่เคยทำงาน ไม่เคยอยู่ในระบบประกันสังคม คือสิ่งหนึ่งที่กำลังจะบอกว่าระบบเศรษฐกิจกำลังสวนทางกันอยู่ในเรื่องการจ้างงาน ที่เป็นห่วงที่สุดคือการที่ใช้มาตรา 75 ที่ชะลอการจ้างงานที่จ่าย 75 % ช่วงที่พีคสุด ๆ ช่วงที่เกิดจากความจำเป็นที่ลูกค้าต้องยกเลิกออเดอร์ การขาดแคลนวัตถุดิบ น่านฟ้าสนามบินปิดต่าง ๆ ไม่สามารถนำวัตถุดิบมาผลิตได้ ช่วงนั้นจะมีการใช้มาตรา 75 อยู่ 300,000-400,000คน รวมแล้วก็หลายพันแห่ง
แต่ ณ วันนี้ เดือนต.ค.เหลือที่ยังคงค้างไว้ในการรักษาการจ่ายเงิน 75% รักษาการจ้างงานอยู่แค่ 24,419 ราย ตัวนี้ก็คือเป็นตัวบ่งชี้ว่าสถานการณ์การผลิตต่าง ๆ ได้เข้าสู่ภาวะปกติเกือบ 100% แล้ว อีกส่วนที่เอาตัวเลขมาประยุกต์ และเปรียบเทียบกับตัวเลขที่ผ่านมาก็คือ ตัวเลขของการว่างงาน โดยการลาออกหรือเลิกจ้างต่าง ๆ ช่วงที่เกิดโควิด ช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค. จะอยู่ที่ 128,000 กว่าราย มิ.ย.ประมาณ 90,000 กว่าราย เดือนก.ค.ประมาณ 100,000 รายนิด ๆ เดือน ส.ค. 51,000 ราย เดือน ก.ย.มีการเลิกจ้างแค่ 23,000 ราย
ตรงนี้เป็นตัวเลขที่บ่งชี้ว่าเราสามารถห้ามเลือดในการเลิกจ้างหรือการที่ธุรกิจต่าง ๆ นั้น การค้าการขายนั้นไม่ได้มีผลกระทบมากจากการที่ผ่านมา เลยมีตัวเลขการจ้างงานลดลงเหลือแค่ 20,000 กว่าราย ผมได้ไปที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้พบกับท่านประธานสภาอุตสาหกรรมเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ตัวเลขที่น่าสังเกต และเป็นตัวเลขที่ เป็นสิ่งที่บ่งชี้ถึงภาคธุรกิจที่ฟื้นตัว ข้อมูลจากอุตสาหกรรมยานยนต์ รถยนต์ ช่วงปี 2562 เดือนก.ย.มีจำนวนออเดอร์ประมาณ 169,000 คัน เดือนก.ย.ปี2563 อยู่ที่ 150,345 คัน ก็ถือว่าไม่ได้ต่างกันมาก แล้วผมเองก็มีกลุ่มผู้ใช้แรงงานหรือผู้ประกันตนที่อยู่ในภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ ได้พูดคุยกัน ก็ได้บอกถึงการทำงานในวันนี้ว่ามีการจ้างโอที มีการใช้แรงงานในภาคปกติอยู่
ในวันนี้ ในส่วนเรื่องของข้อมูล เรื่องของภาคยานยนต์ จักรยานยนต์ เดือนก.ย.ช่วงปี 2562 มีจำนวน 168,567 คัน ปี 2563 ก.ย. เมื่อเทียบกับปี 2562 กลับมีจำนวนการจองหรือการส่งมอบได้สูงกว่าปีที่แล้ว จำนวน 174,645 คัน ตัวนี้เป็นตัวบ่งชี้ว่าภาคอุตสาหกรรมบางอุตสาหกรรมที่ฟื้นตัว แต่ก็หนีไม่พ้น เพราะภาคอุตสาหกรรมที่มีผลกระทบ ก็คือภาคอุตสาหกรรม เช่นภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ตรงนี้ต้องยอมรับว่าตัวเลขยังไม่สามารถที่จะกระเตื้องได้ แต่ภาคอุตสาหกรรมอื่น ๆ ได้ฟื้นกลับมาเป็นตัวเลขที่เป็นปกติ และผลจากการที่ได้จัดงาน JOB EXPO ที่ผ่านไปแล้ว ระยะเวลา 1 เดือนที่ได้ติดตามงาน ตอนนี้มีการแมทชิ่งงานแล้ว 134,214 อัตรา
ความหมายก็คือว่าจำนวนผู้สมัครงานกับบริษัทมีคุณสมบัติตรงกัน ในการที่วันนี้เราคาดการณ์ที่มีการบรรจุแล้วที่ชัดเจนจากงานประมาณ 15,898 ราย ผมคิดตัวเลข ใช้สมการ ใน 134,000 ราย ที่แมทชิ่งตรงกันอยู่ อยู่ในขั้นตอนการสอบสัมภาษณ์และบรรจุงาน ถ้ามีการบรรจุงาน 100,000คน เฉลี่ยผลต่าง เงินเดือนที่อาจจะมากหรือต่ำลงมา ผมตีที่ 15,000 บาท รวม 12 เดือนก็ประมาณ 18,000 ล้านบาทที่จะหมุนเวียน แต่ในทางเศรษฐกิจนั้น ตัวเลข 18,000 ล้านบาทนั้น ในทางเศรษฐกิจการหมุนเวียนตัวเลขจะอยู่ที่ 5.5-6 เท่า ก็ประมาณ 100,000 ล้านบาทในช่วงต้น แต่การที่ผมได้ทำในเรื่องของงาน JOB EXPO นั้น เรามีการติดตาม และเราเองก็ได้ให้กรมจัดหางานในการติดตามและดูในเรื่องของบริษัทต่าง ๆ ว่าติดขัดอะไร เราให้อำนวยความสะดวกและให้เป้าไป ตรงนี้จะมีนำเรียนเข้าสู่ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ ที่ท่านนายกรัฐมนตรีได้เป็นประธาน
ในส่วนการจัดงานJOB EXPO ที่ผ่านมาจะสังเกตว่ามีงานเป็นล้านอัตรา แต่เวลาคนมาสมัครงานนั้นมีประมาณ 200,000 กว่าคน สิ่งหนึ่งที่ทำให้กระทรวงแรงงานจะต้องพัฒนา และเป็นกระทรวงเศรษฐกิจอย่างที่ท่านนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ไปศึกษา คือจำนวนงานบริษัทที่ต้องการอยู่ในภาคผลิต ภาคสิ่งทอออกแบบ เป็นจำนวนมากที่ต้องการแรงงานในกลุ่มนี้ แต่ซัพพลาย คนที่มาสมัครงาน ส่วนมากเป็นพวกการตลาด ธุรการ และผู้จัดการ ซึ่งตรงนี้เราได้ทำการคุยกันและก็ทำสัญญา MOU กับกระทรวงศึกษาธิการในการที่เราจะต้องให้การเรียนการสอนให้ตรงกับภาคแรงงานที่ขาด
ตรงนี้เป็นสิ่งหนึ่งที่ทางกระทรวงแรงงงาน ได้กำชับและได้พัฒนาตรงนี้อยู่ สิ่งหนึ่งที่นำมาเปรียบเทียบ จากตัวเลขสถิติการเลิกจ้างช่วงที่ผ่านมาช่วงที่เกิดโควิด บริษัทที่อยู่ในกทม.มีการเลิกจ้างไป 231,887 ราย แต่สิ่งที่น่าสังเกตคือเป็นคนกรุงเทพฯ จริง ๆ แค่ 96,914 ราย อีกส่วนหนึ่งแสนนิด ๆ เป็นส่วนของคนงานภาคแรงงานที่กลับไปสู่ภูมิภาคหรือกลับคืนถิ่น ตรงส่วนนี้ทางกระทรวงแรงงานก็ทำงานเชิงรุกโดยการทำ MOU กับธนาคารที่ดินในการที่จะจัดหาที่ดินหรือการพัฒนาเรียนรู้ การฝึกทักษะให้กับคนที่กลับไปสู่พื้นบ้านชนบทหรือกลับไปคืนถิ่นของตัวเอง ให้มีการเรียนรู้และมีการพัฒนาฝีมือเพื่อจะทำอาชีพส่วนตัวหรือการทำเกษตร เรากำลังเอารายชื่อผู้ที่กลับไป แล้วเรากำลังประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหา ในการที่คนงานได้กลับคืนถิ่นอยู่
ในส่วนหนึ่งที่ผ่านมา กระทรวงแรงงานได้ทำงานเชิงรุกก็คือในส่วนที่มีการเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรม ผมได้ประสานงานกับกลุ่มสหภาพหรือกลุ่มหัวหน้าแรงงานที่มีการเลิกจ้าง อย่างเช่น นครสวรรค์ กับโคราช ผมก็นำรายชื่อทั้งสองบริษัท ทั้งสองจังหวัด
และให้กรมสวัสดิการคุ้มครองแรงงานและกรมจัดหางานได้ทำงานในเชิงบูรณาการร่วมกันในการที่จะโทรไปพบกับผู้ที่ถูกเลิกจ้างไม่เป็นธรรมว่าต้องการงานในส่วนภาครัฐซึ่งทางรัฐบาลได้มีการว่าจ้างงานภาครัฐไว้หลายแสนตำแหน่ง ตอนนี้ก็มีการแสดงความจำนงมา ก็ได้ประสานงานไปแล้วหลายร้อยคน
ประชุมสภา #รมตสุชาติ #กระทรวงแรงงาน #สสพปชร #พลังประชารัฐ