สาธารณสุข ชวนผู้ป่วยโรคเรื้อรังรักษาทางไกล ผ่านวิดีโอคอล



  • ชวนผู้ป่วยโรคเรื้อรังลงทะเบียนรักษาทางไกลผ่านระบบวิดีโอ ทางไลน์/ Skype
  • รับยาทางไปรษณีย์
  • นำร่องกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรังอาการคงที่ที่รักษาต่อเนื่องในโรงพยาบาล

นายแพทย์ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ในช่วงสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) กรมการแพทย์ได้ปรับรูปแบบการจัดบริการทางการแพทย์ เพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาล ลดการแพร่กระจายเชื้อ เป็นระบบบริการแบบใหม่ (New Normal Medical Services) ที่เป็นทางเลือกในการรับการรักษาต่อไป ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ป่วย ไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เพิ่มการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing)

ทั้งนี้ โดยโรงพยาบาลในสังกัดกรมการแพทย์ได้จัดระบบการรักษาทางไกลผ่านระบบวิดีโอ (Tele Consult/ Video call) และให้บริการส่งยาทางไปรษณีย์ทุกสิทธิการรักษา นำร่องในกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง อาทิ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง มะเร็ง โรคทางระบบประสาท กระดูก ที่มีประวัติการรักษาที่โรงพยาบาลนั้นๆ ดำเนินการแล้ว 27 แห่งทั่วประเทศ ขณะนี้ เริ่มมีผู้รับการรักษาทางไกลผ่านระบบวิดีโอแล้ว 4,316 คน เฉลี่ย 200 คนต่อวัน และส่งยาทางไปรษณีย์ 6,717 คน เฉลี่ย 313 คนต่อวัน จะขยายบริการให้ครอบคลุมทุกสถานพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ทั้งแผนกและกลุ่มโรค เชื่อมโยงข้อมูลการรักษาระหว่างโรงพยาบาลและข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ป่วย (Personal Health Record) พัฒนาไปสู่ระบบการส่งต่อและให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญ (Consult)

นายแพทย์ณัฐพงศ์ กล่าวต่อว่า การรับบริการ ผู้ป่วยโรคเรื้อรังลงทะเบียนห้องตรวจ เพื่อแจ้งความจำนงรักษาทางไกลในการรักษาครั้งต่อไป ซึ่งผู้ป่วยหรือญาติสามารถใช้ Smart phone ในการสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ได้ ทางโรงพยาบาลจะพิจารณาจากประวัติการรักษาผู้ป่วย หากมีอาการทั่วไปดี ผลการตรวจล่าสุดคงที่ จะนัดวันและเวลาการรักษาทางไกลผ่านระบบวิดีโอ เพื่อรับการตรวจและปรึกษากับแพทย์ทางไลน์ หรือ Skype และส่งยาให้ทางไปรษณีย์ แต่หากผู้ป่วยรายใดมีอาการแย่ลง หรือเจ็บป่วยรุนแรงฉุกเฉินสามารถรับการรักษาที่ห้องฉุกเฉินได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ทั้งนี้ ระบบบริการทางการแพทย์แบบใหม่ (New Normal Medical Services) เป็นระบบบริการใหม่ตามความจำเป็นของแต่ละบุคคล สนับสนุนการดูแลตนเองผ่าน Application และสื่อ มีระบบข้อมูลด้านสุขภาพและการส่งต่อผู้ป่วยที่เชื่อมโยงกัน นำระบบ IT มาใช้เพื่อให้เข้าถึงบริการง่ายขึ้น สะดวกรวดเร็วขึ้น อำนวยความสะดวกประชาชน อาทิ การตรวจทางห้องปฏิบัติการแบบ drive thru การรับยาร้านยาใกล้บ้าน การส่งยาทางไปรษณีย์ การปรึกษาทางไกล เป็นต้น มีการบริหารจัดการเตียงร่วมกันระหว่างหน่วยบริการ และเพิ่มประสิทธิภาพระบบการป้องกันการติดเชื้อในสถานพยาบาล