

- เผยต้องระวังใช้จ่ายเงิน
- เผื่อโควิด-19 ระบาดรอบสอง
- แฉสาธารณสุขขอเงินกู้เกินจากที่ให้ไว้ 6,985 ล้านบาท
นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์) ในฐานะประธานคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีข่าวปรากฏในสื่อต่างๆ กรณีสภาพัฒน์ฯ ในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ พิจารณาตัดเงินช่วยเหลืออาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) จาก 19 เดือน เหลือ 7 เดือน โดยมิได้คำนึงถึงบทบาทและภารกิจของ อสม. ในช่วงที่เกิดการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้น จึงขอเรียนข้อเท็จจริง ดังนี้ 1. กระทรวงสาธารณสุขได้เสนอโครงการที่อยู่ภายใต้แผนงานด้านสาธารณสุขเพื่อขอรับการจัดสรรจากเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนด(พ.ร.ก.)กู้เงินในวงเงินรวมประมาณ 51,985 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดครอบคลุมโครงการส่งเสริมและสนับสนุนการปฏิบัติงานของ อสม. ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในชุมชน ของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข กรอบวงเงินไม่เกิน 10,019 ล้านบาท เป็นการจ่ายเงินเพิ่มพิเศษคนละ 500 บาทต่อเดือนให้ อสม. 1,054,729 คน ตั้งแต่เดือนนี้มี.ค. 2563 –ก.ย.2564
2.คณะกรรมการกลั่นกรองฯ และคณะอนุกรรมการกลั่นกรองฯ
ซึ่งประกอบด้วยหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องและผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอกมาร่วมกัน ประกอบด้วยผู้แทนจากกระทรวงการคลัง สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กรมบัญชีกลาง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ได้พิจารณาเห็นว่า อสม. ปฏิบัติงานด้วยความเสียสละมาโดยตลอด โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่เดือนมี.ค. 2563 เป็นต้นมา ซึ่ง อสม. เป็นกลไกสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยสามารถควบคุมการระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับค่าตอบแทนที่ อสม. ได้รับในขณะนี้ 1,000 บาทต่อเดือน
เมื่อเปรียบเทียบกับภาระงานที่เพิ่มขึ้น ทำให้ข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุขที่ขอให้มีเงินเพิ่มพิเศษอีก
500 บาทต่อเดือน จึงมีความเหมาะสมที่ควรปรับเพิ่มให้ได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาระยะเวลาในการจ่ายเงินเพิ่มพิเศษที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอให้จ่ายตั้งแต่เดือนมี.ค. 2563 – ก.ย. 2564 รวม 19 เดือน คณะกรรมการฯ ได้ พิจารณา
มติคณะรัฐมนตรี(ครม.)เมื่อวันที่ 15 เม.ย.2563 ได้เห็นชอบให้บุคลากรสาธารณสุขผู้ปฏิบัติงานในสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้รับเงินเพิ่มเติมพิเศษรายเดือน
ซึ่งกำหนดอัตราการจ่ายเงินเพิ่มพิเศษให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ และระยะเวลาสิ้นสุดการจ่ายเงิน
เพิ่มพิเศษระยะแรกดังกล่าวไว้ที่เดือนก.ย. 2563 คณะกรรมการฯ จึงได้พิจารณาตามหลักการดังกล่าว
นอกจากนี้ กรอบวงเงินด้านสาธารณสุขของพ.ร.ก.กู้เงินฯ ที่กำหนดไว้ 45,000 ล้านบาทนั้น กระทรวงสาธารณสุขได้เสนอขอใช้จ่าย วงเงิน 51,985 ล้านบาท นับว่าเกินจากกรอบวงเงิน 6,985 ล้านบาท และเมื่อพิจารณาระยะเวลาการจ่ายเงินที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอให้จ่าย อสม.ตั้งแต่มี.ค. 2563 – ก.ย. 2564 คิดเป็นวงเงิน 10,019 ล้านบาท ประกอบกับปัจจัยความไม่แน่นอนของการระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ซึ่งยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดการระบาดซ้ำในช่วงต่อไปหรือไม่
ซึ่งในกรณีที่เกิดการระบาดในวงกว้างในประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง กรอบวงเงินกู้ที่กำหนดไว้ในด้านสาธารณสุข วงเงิน 45,000 ล้านบาท จะมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากจะเป็นเม็ดเงินหลักในการแก้ไขปัญหา
ดังนั้นคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ จึงมีมติให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา ค่าตอบแทนการจ่ายเงินเพิ่มพิเศษคนละ 500 บาทต่อเดือน ให้แก่ อสม. และ อสส. รวมจำนวนไม่เกิน 1,054,729 คนต่อเดือน ระยะเวลาตั้งแต่เดือนมี.ค. 2563 ถึงก.ย. 2563 ภายใต้กรอบวงเงินไม่เกิน 3,622ล้านบาท เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานเดียวกันกับบุคลากรทางการแพทย์อื่น ๆ อย่างไรก็ตาม หากกระทรวงสาธารณสุขเห็นว่าสถานการณ์การระบาดมีแนวโน้มที่จะเกิดความเสี่ยงของการระบาดมากขึ้นก็ให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งนำเสนอเหตุผลความจำเป็น เพื่อขยายเวลาการจ่ายเงินเพิ่มพิเศษสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขในภาพรวมต่อไป