

- ปล่อยแถวตำรวจรถไฟ-ตรวจวัดแอลกอฮอล์พนักงานขับรถ
- เพื่อปฏิบัติงานดูแลประชาชนอย่างปลอดภัย ช่วงเดินทางกลับบ้าน
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิด โครงการรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนน “ปีใหม่ปลอดโควิด 19 – ปลอดอุบัติเหตุทางถนน” จัดโดยการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ร่วมกับมูลนิธิเมาไม่ขับพร้อมทั้งปล่อยแถวตำรวจรถไฟเพื่อปฏิบัติงานดูแลความปลอดภัยประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ตรวจวัดแอลกอฮอล์พนักงานขับรถไฟก่อนปฏิบัติหน้าที่นำขบวนรถไฟ ออกจากสถานีหัวลำโพง โดยมี นายแพทย์แท้จริงศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ และนางสุขสมรวย วันทนียกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม นายจิรุตม์ วิศาลจิตร ประธานคณะกรรมการรถไฟ นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) ผู้บังคับการตำรวจรถไฟ ภาคีเครือข่ายรณรงค์ลดอุบัติเหตุเมาไม่ขับภาครัฐและเอกชน เหยื่อจากอุบัติเหตุเมาแล้วขับ และประชาชนทั่วไปร่วมงาน เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2564 ณ สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง)

โดยนายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยและความสะดวกการเดินทางของประชาชนโดยกำหนดเป้าหมายเพื่อลดจำนวนการเกิดอุบัติเหตุทางถนนอันเป็นสาเหตุหลักของการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ของทุกปีที่ประชาชนมีการเดินทางกันเป็นจำนวนมาก และการเดินทางด้วยระบบราง ทางรถไฟ ซึ่งจะต้องบูรณาการเฝ้าระวังตามจุดตัดต่างๆ ที่มีรถไฟผ่าน ซึ่งจากสถิติในช่วงเทศกาลปีใหม่ครั้งที่ผ่านมาพบว่าคนไทยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจำนวน392 คน และบาดเจ็บ จำนวน 3,326 คน โดยผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่จะมีอายุระหว่าง 15 – 25 ปี

ทั้งนี้กระทรวงคมนาคมได้มีการประมาณการไว้ว่าจะมีปริมาณการเดินทางเข้า – ออกกรุงเทพมหานคร ด้วยรถยนต์ 8 ล้านคัน และระบบขนส่งสาธารณะ 1.7 ล้านเที่ยว ซึ่งเพื่อให้ประชาชนเดินทางถึงที่หมายโดยสะดวกและปลอดภัย จึงได้มอบนโยบายและสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม เตรียมความพร้อม กำกับดูแลการให้บริการมาตรฐานความปลอดภัย และแจ้งข้อมูลข่าวสารที่สำคัญในการเดินทางให้แก่ประชาชนล่วงหน้า นอกจากนี้ ได้ให้ความสำคัญกับการปรับปรุงถนนให้มีความสะดวกและปลอดภัย โดยการปิดจุดกลับรถจุดเสี่ยง ป้องกันอุบัติเหตุจากรถข้ามเกาะกลาง จัดทำป้ายเตือน พื้นที่ก่อสร้าง ทางโค้ง ทางแยกอันตราย ให้ชัดเจน เฝ้าระวังจุดตัดรถไฟกับถนนและคืนพื้นผิวจราจรบริเวณพื้นที่ก่อสร้างให้ประชาชนสามารถสัญจรได้อย่างสะดวกปลอดภัย
สำหรับการเตรียมการรองรับการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ 65 ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 64 – 4 มกราคม 65 กำชับหน่วยงานในสังกัดบูรณาการร่วมกันอำนวยความสะดวกประชาชน มุ่งให้หน่วยงานและประชาชนเตรียมความพร้อมการเดินทางโดยวางแผนการเดินทางทั้งขาไปและขากลับ เข้มงวดกวดขัน การดำเนินมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)และมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) จัดทำแผนการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยรองรับการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ 65เน้นบริการระบบขนส่งสาธารณะให้เข้าถึงง่าย เพียงพอไม่ล่าช้า ไม่มีผู้โดยสารตกค้างไม่โก่งราคา ไม่ทิ้งผู้โดยสาร และทันกับเหตุการณ์ ,ให้ความเชื่อมั่นแก่ประชาชนในคุณภาพของการให้บริการขนส่งสาธารณะ ด้วยการดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้นและจริงจัง เป็นต้น

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า พร้อมกันนี้ ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการทำงานร่วมกัน ให้กรมทางหลวง(ทล.)และกรมทางหลวงชนบท(ทช.)กำกับดูแลการจราจรบริเวณคอขวดและจุดตัดไม่ให้เกิดการติดขัด การตรวจสอบกำกับดูแลความพร้อมการให้บริการรถโดยสารสาธารณะให้ได้มาตรฐานความปลอดภัย พร้อมทั้งจัดเตรียมมาตรการสำหรับบริหารจัดการจราจรบนเส้นทางที่มีการจราจรหนาแน่นติดขัด อาทิ เปิดช่องจราจรพิเศษ ปิดจุดกลับรถ จัดระเบียบแถวจราจรบนถนนที่คาดว่าจะมีปัญหาการจราจร และต้องตรวจสอบกำกับดูแลให้ปลอดภัยเพื่อป้องกันอุบัติเหตุบนถนน โดยเฉพาะจุดเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน และพื้นที่ก่อสร้าง

ในส่วนของการรถไฟแห่งประเทศไทย ตระหนักถึงปัญหาอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจึงได้สนับสนุนมูลนิธิเมาไม่ขับจัดงานโครงการรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนนเทศกาลปีใหม่มาอย่างต่อเนื่อง ด้วยความมุ่งหวังอยากเห็นประชาชนผู้มาใช้บริการและประชาชนทั่วไปได้ตระหนักถึงอันตรายจากเมาสุราแล้วขับรถ จึงมีมาตรการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์พนักงานเดินรถ พนักงานให้อาณัติสัญญาณ รวมทั้งพนักงานบริการบนขบวนรถไฟและจัดเจ้าหน้าที่ดูแลทำความสะอาดรถทุกขบวน ตามมาตรการกระทรวงสาธารณสุขเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างสม่ำเสมอซึ่งจากผลการดำเนินงานที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ช่วยลดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินได้อย่างต่อเนื่อง
