“วัคซีน Chula-Cov19” ได้ผลลัพธ์น่าพอใจ เร่งพัฒนาป้องกันโควิดสายพันธุ์ “อังกฤษ-แอฟริกาใต้”



วันที่ 14 มิถุนายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศ.นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม ผู้อำนวยการบริหารโครงการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยถึงความคืบหน้าของผลศึกษาการทดลอง วัคซีน Chula-Cov19 ใน “หนู” พบว่า มีผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ และจะเริ่มทดลองใช้ในมนุษย์ในเดือนมิ.ย. 2564

นอกจากนี้ วัคซีน Chula-Cov19 กำลังจะถูกพัฒนาเพื่อป้องกันและลดความรุนแรงจากการติดเชื้อโรคโควิด-19 ในสายพันธุ์ B.1.351 (สายพันธุ์แอฟริกาใต้ หรือ เบตา) และสายพันธุ์ B.1.1.7 (สายพันธุ์อังกฤษ หรือ อัลฟา)

สำหรับวัคซีน Chula-Cov19 เป็นวัคซีนชนิด mRNA ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตเช่นเดียวกับวัคซีนไฟเซอร์ และวัคซีนโมเดอร์นา ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาการใช้งานในมนุษย์ระยะที่ 1 จากกลุ่มอาสาสมัคร 100 คน โดยจะทำการศึกษาทั้งสิ้น 3 ระยะ

ทั้งนี้วัคซีนนี้ เป็นการสังเคราะห์รหัสคำสั่งโดยใช้ชิ้นส่วนพันธุกรรมของเชื้อโควิด-19 ส่วนที่เป็นปุ่มหนามของโปรตีน เมื่อฉีดวัคซีนเข้าสู่ร่างกาย เซลล์จะทำการสร้างโปรตีนส่วนที่เป็นปุ่มหนามของเชื้อโควิด-19 ขึ้น เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อจดจำและตอบโต้เชื้อโควิด-19 รหัสคำสั่งที่เรียกว่า mRNA (messenger Ribonucleic Acid นี้จะเป็นคำสั่งชั่วคราว เมื่อทำหน้าที่เรียบร้อย จะสลายไปภายในไม่กี่วัน จึงไม่มีการสะสมในระยะยาวแต่อย่างใด

ทั้งนี้ สามารถเก็บที่อุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส ได้อย่างน้อย 3 เดือน และสามารถเก็บที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส ได้อย่างน้อย 2 อาทิตย์ จึงสะดวกในการขนส่งและการใช้งานในต่างจังหวัด