

- ปลัดดีอีเอส ส่งหนังสือแจงสตง.เรียบร้อย
- ติดตั้งเน็ต 24,700 หมู่บ้าน โรงเรียน 1,187 แห่ง โรงเรียนตชด.36 แห่ง
- ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ใช้โครงข่ายไม่ได้รับอนุญาต ให้รายงานผลภายใน 60 วัน
นางสาวอัจฉรินทร์ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า กระทรววดีอีเอส ได้ทำหนังสือชี้แจงสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แล้ว และได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีนำโครงข่ายเน็ตประชารัฐ ไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต และให้รายงานผลการสอบข้อเท็จจริงภายใน 60 วัน
สำหรับประเด็นการลงทุนเน็ตประชารัฐ 13,000 ล้านบาท ไม่คุ้มค่าเงินลงทุนนั้น ขอชี้แจงว่า ปัจจุบัน มีจำนวนผู้ลงทะเบียนใช้งาน จำนวน 8.93 ล้านราย และมีอุปกรณ์ใช้งาน10.10 ล้านเครื่อง มีการใช้งานโดยเฉลี่ยมากกว่า 20 ล้านครั้งต่อเดือน นอกจากจะติดตั้งจุดให้บริการไวไฟฟรีใน 24,700 หมู่บ้านแล้ว ยังได้ขยายโครงข่ายเน็ตประชารัฐไปยังโรงเรียน 1,187 แห่ง โรงเรียนตำรวจตะเวนชายแดน 36 แห่ง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลและสุขศาลาพระราชทาน 484 แห่ง
ส่วนประเด็นการไม่เปิดให้ผู้ประกอบการโทรคมนคมรายอื่น มาร่วมใช้โครงข่ายเน็ตประชารัฐ เพื่อให้ครอบคลุมถึงประชาชนมากที่สุดนั้น กระทรวงดีอีเอส ได้ดำเนินการแล้ว แต่ต้องทำตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งขณะนี้มีผู้ให้บริการแล้ว 6 ราย คือ ทีโอที บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอส.ที.แอล เสียง (ไทยแลนด์) บริษัท วารินชำราบ จำกัด โดยกระทรวงดีอีเอส ได้ลงนามในสัญญาแล้ว 2 ราย คือ ทีโอที กับ เอส.ที.แอล เสียง

“ กระทรวงดีอีเอส ต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยได้เสนอให้ ครม. ให้ความเห็นชอบแนวทางการเปิดโครงข่ายเน็ตประชารัฐแบบเปิดให้เอกชนที่สนใจเชื่อมต่อโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ซึ่ง ครม. ได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2562 ต่อมาได้หารือไปยังคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนในประเด็นการอนุญาตให้เอกชนนำทรัพย์สินของรัฐไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ว่า เข้าข่าย พ.ร.บ. ร่วมทุนฯ หรือไม่ โดยได้รับหนังสือตอบเมื่อวันที่ 3 ก.ย.2562 ว่า การดำเนินการในรูปแบบที่กระทรวงฯ นำเสนอไม่เข้าข่ายตาม พ.ร.บ. ร่วมทุนฯ จึงได้จัดส่งสัญญาการใช้โครงข่ายเน็ตประชารัฐ ให้สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาอีกครั้ง และได้รับการตอบกลับมาเมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 2562 ส่งผลให้การเปิดโครงข่ายแบบเปิดมีความล่าช้าไปประมาณ 1 ปี“

นางสาวอัจฉรินทร์ กล่าวต่อว่า โครงการเน็ตประชารัฐมีการติดตั้งอยู่ในหมู่บ้านห่างไกลทั่วประเทศ กระทรวงดีอีเอส จึงได้พัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพย์สิน (MDES-SM) เพื่อตรวจสอบและควบคุมกำกับอุปกรณ์ปลายทางและการใช้งาน เพื่อให้บริการไวไฟเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และได้เพิ่มระบบบริหารจัดการโครงข่ายแบบเปิด (MDES-OA) เมื่อปลายปี 2562 ทำให้สามารถตรวจสอบการทำงานของอุปกรณ์ สถานะของการใช้และเชื่อมต่ออุปกรณ์เพื่อรองรับการเชื่อมต่อโครงข่ายแบบเปิดที่ได้รับการอนุมัติ