“อาคม” สั่งกรมศุล ตรวจเข้มกวดขัน นักท่องเที่ยวต่างชาติ ลักลอบขนเงินสดเข้าประเทศเกินกำหนด หวั่นเป็นแหล่งฟอกเงิน
- กรมศุลฯเข้มงวดกวดขันตลอดมา
- จึงตรวจพบการลักลอบการนำเข้า
- เงินสด-ยาเสพติด-เนื้อหมู
นายอาคม พิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับทราบข้อมูลจากกรมศุลกากรว่า มีการลักลอบขนเงินสดเข้าประเทศไทยทางสนามบินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีนัยสำคัญด้วย จึงได้กำชับให้กรมศุลกากรเข้มงวดกวดขันให้มากขึ้นกว่าเดิม และประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินคดีต่อไป อย่างไรก็ตามที่ผ่านมากรมศุลกากร ได้เข้มงวดกวดขันการลักลอบนำเข้าสินค้าอย่างต่อเนื่อง และต้องตรวจสอบให้ถูกต้อง เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพื่อมิให้เกิดประเด็นปัญหาดราม่าขึ้นมาได้ เนื่องจากประเทศไทย ต้องการนักท่องเที่ยวต่างชาติ มาช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศ ดังนั้นต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ
“ที่ผ่านมากรมศุลกากรมีการตรวจเข้มอยู่แล้ว แต่การลักลอบขนเงินสดนี้ มีการนำเข้ามาตามสนามบิน ซึ่งกลุ่มคนพวกนี้จะแฝงตัวเดินทางเข้ามาเหมือนนักท่องเที่ยว มีพฤติกรรมเหมือนการลักลอบขนยาเสพติด ซึ่งได้รับรายงานจากกรมศุลกากรว่ามี กลุ่มที่กระทำการลักลอบขนเงินสดเข้าประเทศมีเพิ่มขึ้น และคาดการณ์ว่าเ เงินสดเหล่านี้ เป็นเงินที่ไม่สะอาด และอาจไม่ถูกต้องตามกฎหมาย”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้กรมศุลกากร อยู่ระหว่างการปรับปรุงระเบียบบทลงโทษและการยึดของกลางที่เป็นเงินสด เนื่องจากปัจจุบันหากตรวจพบว่าเป็นการลักลอบขนเงินสดเข้าประเทศไทย จะมีโทษปรับเพียง 10% ของจำนวนเงินส่วนที่เกินกำหนด แล้วคืนเงินให้กับเจ้าของเงิน โดยการปรับปรุงระเบียบดังกล่าว ต้องหารือสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ด้วย เพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้าเงินสดเข้าประเทศไทย แล้วนำมาฟอกเงินในประเทศไทย ให้เป็นเงินถูกกฎหมาย
ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบความผิดปกติของการลักลอบนำเข้าเงินตราต่างประเทศ ซึ่งเป็นเงินสดเข้าประเทศไทยมีจำนวนเพิ่มขึ้น มีทั้งเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ เงินยูโร เงินเยน เป็นต้น ส่วนลักษณะการขนเงินสดมาในหลากหลายรูปแบบ ทั้งมาใส่กระเป๋าหิ้วมาอยากเปิดเผย บางรายซุกซ่อนในกระเป๋าเดินทางทั้งยัดในซอกกระเป๋าเดินทาง ห่อกระดาษ เป็นต้น ล่าสุดต่างชาติขนเงินเยนเข้าประเทศไทยราว 50 ล้านเยน เมื่อเดินทางเข้าประเทศไทย และตรวจกระเป๋า ผ่านเครื่องเอ็กซ์เรย์ จึงพบความผิดปกติของกระเป๋าเดินทาง เจ้าหน้าที่กรมศุลและเจ้าหน้าที่ตำรวจสนามบิน จะร่วมมือกันอายัดกระเป๋าและตามหาเจ้าของกระเป๋า เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีต่อไป
สำหรับพิธีการกรมศุลกากรเกี่ยวกับการนำเงินตราต่างประเทศ ซึ่งเป็นเงินสดเข้าประเทศนั้น กำหนดว่า บุคคลธรรมดา หรือนักท่องเที่ยวสามารถ นำเงินสกุลบาทติดตัวเข้าหรือออกไปยังต่างประเทศได้ครั้งละไม่เกิน 50,000 บาท แต่หากเป็นประเทศที่มีพรมแดนติดกับประเทศไทย ได้แก่ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ มาเลเซีย รวมทั้งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และสาธารณรัฐประชาชนจีน (เฉพาะมณฑลยูนนาน) สามารถนำเงินสกุลบาท ติดตัวออกไปได้ ไม่เกิน 2 ล้านบาท โดยหากเกินกว่า 450,000 บาท จะต้องสำแดงรายการเงินตราไทยนั้นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ศุลกากร ณ ขณะผ่านด่านศุลกากร
ส่วนสกุลเงินต่างประเทศ ทั้งขาเข้าและออก ปัจจุบันไม่มีการจำกัดจำนวนเงินตราต่างประเทศ หรือปัจจัยการชำระเงินตราต่างประเทศออกไปนอกหรือเข้ามาในราชอาณาจักร แต่หากบุคคลใดนำเงินตราต่างประเทศที่เป็นธนบัตรหรือเหรียญกษาปณ์ออกไปนอก หรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยมีมูลค่ารวมกันเกินกว่า 15,000 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือเทียบเท่า ต้องสำแดงรายการเงินตราต่างประเทศนั้นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ศุลกากร ณ ขณะผ่านด่านศุลกากร