“กรมสุขภาพจิต” ออกมาเตือน! “FC การเมือง” ต้องมีสติ เสพข้อมูลอย่างไตร่ตรองอย่าใช้คำพูดรุนแรง

  • ชี้จะมีผลเสียตามมาทั้ง อาการทางกาย-ทางใจ-ความสัมพันธภาพกับผู้อื่น
  • เผยผู้พูด-ผู้ส่งข้อความ ต้องมีสติ ให้ความเห็นอย่างสร้างสรรค์ หาข้อมูลจากหลายช่องทางที่น่าเชื่อถือ
  • ด้านผู้ฟังต้องมีสติเลือกรับข้อมูลที่ถูกต้องเหมาะสม ไม่เยาะเย้ย ไม่ใช้คำพูดรุนแรงก้าวร้าว

ผู้สื่อข่าวรายวานว่า วันนี้ (23 ..66) กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมสุขภาพจิต ได้จัดทำข้อมูลเผยแพร่โดยระบุถึงอาการเครียดจากการเมือง ว่า อาการเครียดทางการเมือง ไม่ใช่โรคที่เกิดจากปัญหาทางสุขภาพจิต แต่เป็นปฏิกิริยาของอารมณ์และจิตที่เกิดขึ้นกับผู้ที่มีความสนใจทางการเมือง ติดตามสถานการณ์การเมืองอย่างใกล้ชิด หรือเอนเอียงไปทางกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง จนทำให้มีอาการทางกาย จิตใจ และกระทบต่อสัมพันธภาพของผู้อื่น 

ทั้งนี้อาการสำคัญที่แสดงออก มีดังนี้ 1.อาการทางกาย เช่น ตึงขมับหรือต้นคอ นอนไม่หลับ ใจสั่น หายใจไม่อิ่ม แน่นท้อง ชาตามร่างกาย 2.อาการทางใจ เช่น หงุดหงิดง่าย โกรธ ฉุนเฉียว ก้าวร้าว เบื่อหน่าย สิ้นหวัง ฟุ้งซ่าน หมกมุ่นและ 3.ปัญหาพฤติกรรมและสัมพันธภาพกับผู้อื่น เช่น มีการโต้เถียงกับผู้อื่น หรือคนในครอบครัวโดยใช้อารมณ์ อาจจะนำไปสู่การใช้กำลังจนทำให้เกิดปัญหาด้านสัมพันธภาพอย่างรุนแรง เป็นต้น

ดังนั้น ในเรื่องของการใช้ถ้อยคำนั้น ในส่วนของผู้พูดหรือผู้ส่งข้อความ ต้องมีสติ ให้ความเห็นอย่างสร้างสรรค์ หาข้อมูลจากหลายช่องทางที่น่าเชื่อถือ ไม่ละเมิดหรือหมิ่นประมาท ไม่ใช้คำพูดที่รุนแรง ซึ่งอาจจะมีการขยายความเกลียดชังเป็นวงกว้าง อาจจะทำให้เด็กและเยาวชนคุ้นชินต่อการใช้คำพูดรุนแรงโดยไม่รู้ตัว 

ทั้งนี้ ในส่วนผู้ฟัง หรือผู้รับข้อมูล หากไม่เห็นด้วย รู้สึกไม่พอใจ จะส่งผลให้เครียด กังวลสูง ต้องมีสติเลือกรับข้อมูลที่ถูกต้องเหมาะสม ไม่เยาะเย้ย ไม่ใช้คำพูดรุนแรงก้าวร้าวรุนแรงมากเกินไป ขณะที่ผู้คนในสังคม การรับรู้ข้อมูลที่มีอารมณ์รุนแรง หากขาดสติก็จะทำให้เกิดอารมณ์ร่วม และสะสมความเครียด วิตกกังวลตามมา จนเกิดความรู้สึกว่าสังคมไม่น่าอยู่ หวาดระแวง ขาดความสุข

ทั้งนี้ ขอให้มีสติ รับฟังข้อมูลอย่างไตร่ตรอง นึกถึงผลกระทบของการใช้คำพูดรุนแรง เพราะการให้ข้อมูลความเป็นจริงไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดที่รุนแรง สร้างความเกลียดชัง ซึ่งเมื่อใช้จะยิ่งไปกระตุ้น ยั่วยุให้สถานการณ์เลวร้ายมากขึ้นไปอีก