ขนส่งทางราง สรุปข้อมูลการเดินทางของประชาชนด้วยระบบรางช่วงเทศกาลปีใหม่ 65 พบสะสม 5 วัน ตั้งแต่ 29ธ.ค.64ถึง 2 ม.ค.65 เดินทางกว่า รวม 2.7 ล้านคน พบมีผู้โดยสารทะยอยเดินทางกลับในวันที่ 2 ม.ค.65 ด้วยรถไฟเข้ากรุงเทพมากสุดใน 5 วันกว่า 24,453 คน
นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง(ขร.) เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (2มกราคม 65) ซึ่งเป็นวันที่5 ของเทศกาลปีใหม่ 65 มีประชาชนมาใช้บริการระบบรางรวมจำนวน 422,002 คน เพิ่มจากวันที่ 1 มกราคม 65 จำนวน 10,650 คน หรือเพิ่มขึ้น 2.59% แบ่งเป็น รถไฟระหว่างเมืองของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จำนวน 43,301 คน และรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลและรถไฟชานเมือง(สายสีแดง) จำนวน 378,701 คน โดยมีรายละเอียดดังนี้ คือ 1.รถไฟของ รฟท. จำนวน 43,301 คน เพิ่มขึ้นจากวันที่ 1 ม.ค.65 จำนวน 4,760 คน หรือเพิ่มขึ้น 12.35% แบ่งเป็นผู้โดยสารเชิงพาณิชย์ 19,390 คนและเชิงสังคม 23,911 คน โดยมีผู้โดยสารขาออกจำนวน 18,848 คน เพิ่มขึ้นจากวันที่ 1 ม.ค.65 จำนวน 842 คน หรือเพิ่มขึ้น 4.68% และผู้โดยสารขาเข้า 24,453 คน เพิ่มขึ้นจากวันที่ 1ม.ค.65 จำนวน 3,918 คน หรือเพิ่มขึ้น 19.08% โดยพบว่า สายใต้มีผู้ใช้บริการมากสุดถึง 13,021 คน แบ่งเป็น ผู้โดยสารขาออก 6,249 คน ผู้โดยสารขาเข้า 6,772 คน
รองลงมาคือ สายตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 11,943 คน เป็นผู้โดยสารขาออก 4,691 คน ผู้โดยสารขาเข้า 7,252 คน, สายเหนือ 10,446 คน เป็นผู้โดยสารขาออก 4,520 คน ผู้โดยสารขาเข้า 5,926 คน,สายตะวันออก 5,034 คน เป็นผู้โดยสารขาออก 1,994 คน ผู้โดยสารขาเข้า 3,040 คน และสายมหาชัย/แม่กลอง 2,857 คน เป็นผู้โดยสารขาออก 1,394 คน ผู้โดยสารขาเข้า 1,463 คน) ทั้งนี้ทาง รฟท.ได้จัดขบวนพิเศษช่วยการโดยสารจำนวน 2 ขบวน มีผู้โดยสารใช้บริการรวม 886 คน ประกอบด้วย ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 6 เชียงใหม่-กรุงเทพ จำนวน 282 คน และขบวนรถเร็วที่ 934 อุบลราชธานี-กรุงเทพ จำนวน 604 คน
นอกจากนั้น 2.ระบบรถไฟฟ้า จำนวน 378,701 คน เพิ่มขึ้นจากวันที่ 1 ม.ค.65 จำนวน 5,890 คน หรือเพิ่มขึ้น 1.58% ประกอบด้วย รถไฟฟ้า Airport Rail Link จำนวน 18,513 คน รถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง) จำนวน 5,602 คน รถไฟฟ้าสายฉลองรัชธรรม (สีม่วง) จำนวน 13,107 คน รถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคล (สีน้ำเงิน) จำนวน 105,240 คน และรถไฟฟ้าบีทีเอส (สีเขียวและสีทอง) จำนวน 236,239คน โดยไม่มีเหตุรถไฟฟ้าขัดข้อง
นายพิเชฐ กล่าวต่อว่า สำหรับด้านความปลอดภัยประจำวันที่ 2 มกราคม 65 พบว่า หน่วยงานผู้ให้บริการระบบรางดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่( Covid-19) อย่างต่อเนื่อง และมีอุบัติเหตุทางราง 2 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ ดังนี้ 1) เมื่อเวลา 05.33น. ขบวนรถชานเมืองที่ 352 ราชบุรี-ธนบุรีเฉี่ยวชนคนเดินเท้า ระหว่างสถานีบ้านโป่ง-สถานีชุมทางหนองปลาดุก ส่งผลให้มีเสียชีวิตชาย1 รายไม่ทราบชื่อไม่มีเอกสารติดตัว 2) เมื่อเวลา11.00น. ขบวนรถเร็วที่ 171 กรุงเทพ-สุไหงโก-ลก รถนั่งและนอนปรับอากาศคันที่ 16 ตกรางในย่านสถานีรือเสาะ จ.นราธิวาส จำนวน 1คัน (ตกรางแคร่หลัง จำนวน2เพลา 4ล้อ) ไม่มีผู้ใดได้รับอันตราย
ทั้งนี้ จำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการระบบรางสะสม 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 64-2มกราคม 65 มีประชาชนใช้บริการระบบราง 2,748,392 คน ประกอบด้วย รถไฟระหว่างเมืองของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มีผู้ใช้บริการรวม 218,119 คน แบ่งเป็นผู้โดยสารเชิงพาณิชย์ 88,330 คน และผู้โดยสารเชิงสังคม 129,789 คน โดยมีผู้โดยสารขาออกสะสม 114,172 คน และขาเข้า 103,947 คน ซึ่งพบว่า สายใต้มีผู้ใช้บริการมากสุดถึง 66,297 คน (ผู้โดยสารขาออก 34,279 คน ผู้โดยสารขาเข้า 32,018 คน) รองลงมาคือสายตะวันออกเฉียงเหนือ 58,595 คน (ผู้โดยสารขาออก 31,263 คน ผู้โดยสารขาเข้า 27,332 คน)
สายเหนือ 51,190 คน (ผู้โดยสารขาออก 27,317 คน ผู้โดยสารขาเข้า 23,873 คน) สายตะวันออก 26,150 คน (ผู้โดยสารขาออก 13,370 คน ผู้โดยสารขาเข้า 12,780 คน) และสายมหาชัย/แม่กลอง 15,887 คน (ผู้โดยสารขาออก 7,943 คน ผู้โดยสารขาเข้า 7,944 คน) และระบบรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล (รวมรถไฟฟ้าชานเมือง(สายสีแดง)) สะสม 5 วัน มีผู้ใช้บริการ 2,530,273 คน ประกอบด้วย Airport Rail Link 115,570 คน สายสีแดง 31,973 คน สายฉลองรัชธรรม(สีม่วง) 92,272 คน สายเฉลิมรัชมงคล (สีน้ำเงิน) 685,168 คน และรถไฟฟ้าบีทีเอส (สีเขียวและสีทอง) 1,605,290 คน
สำหรับในวันนี้ (3 มกราคม 2565) คาดว่าจะมีประชาชนเดินทางกลับมากที่สุด โดยการรถไฟแห่งประเทศไทยจัดเพิ่มขบวนรถพิเศษช่วยการโดยสาร 2 ขบวน ได้แก่ ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 5 เส้นทางกรุงเทพ-เชียงใหม่ และขบวนรถเร็วที่ 934 อุบลราชธานี-กรุงเทพ และวันพรุ่งนี้ (4 มกราคม 2565) มีเพิ่ม 1 ขบวน คือ ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 6 เชียงใหม่-กรุงเทพ พร้อมเพิ่มตู้โดยสารไปกับขบวนรถไฟทางไกล เพื่อรองรับการเดินทางประชาชนให้เพียงพอ