- เปิดเพิ่ม 4 สถานี ส่วนต่อขยายสายสีเขียวช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต
- ปลายปี63 วิ่งฉิวแบบไร้รอยต่อเชื่อม 3 จังหวัด จากสมุทรปราการ-กรุงเทพฯ-ปทุมธานี
- เชื่อมโยงโครงข่ายรองรับการเดินทางจากชานเมืองและปริมณฑลเข้าสู่ใจกลางเมือง
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่าในวันที่ 3 มิถุนายน นี้รถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีเขียวส่วนต่อขยายช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ระยะทาง 4.3 กิโลเมตร(กม.) จะเปิดให้บริการเพิ่ม 4 สถานี ได้แก่ สถานีกรมป่าไม้,สถานีบางบัว, สถานีกรมทหารราบที่11 และสถานีวัดพระศรีมหาธาตุ รวมระยะทาง 4.3 กม. เพื่อเพิ่มโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนให้เชื่อมโยงทั่วกรุงเทพฯ และรองรับการเดินทางจากชานเมืองและปริมณฑลเข้าสู่ใจกลางเมือง
นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะขยายเส้นทางให้เชื่อม 3 จังหวัด จากสมุทรปราการ-กรุงเทพฯ-ปทุมธานี แบบไร้รอยต่อภายในปลายปี 63 นี้ โดยกรุงเทพมหานครให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงข่ายระบบการคมนาคมขนส่ง เพื่อบรรเทาปัญหาด้านการจราจรและอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้แก่พี่น้องประชาชนได้มากที่จึงได้เร่งรัดการดำเนินการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆให้สามารถทยอยเปิดให้บริการในเส้นทางที่มีความพร้อมก่อน
“ ซึ่งรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่เปิดให้บริการเพิ่มเติมนี้ เป็นที่ตั้งของสถานศึกษา สถานที่ราชการ และชุมชนขนาดใหญ่ อีกทั้งในพื้นที่ยังมีถนนสายหลักที่เป็นเส้นทางเข้าเมืองหลายเส้นทาง ดังนั้นการเร่งเปิดให้บริการระบบขนส่งมวลชนที่มีความพร้อมจะช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆได้เป็นอย่างดี”พล.ต.อ.อัศวินกล่าว
สำหรับสถานีวัดพระศรีมหาธาตุยังเป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชนของพื้นที่กรุงเทพฯด้านเหนือในอนาคต โดยเป็นจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีชมพู แคราย-มีนบุรี ซึ่งเป็นระบบขนส่งมวลชนสายรองที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งรองรับการเดินทางของประชาชนในแนวตะวันออก-ตะวันตกจากย่านแคราย ปากเกร็ด และทางด้านคันนายาว มีนบุรี หนองจอก ให้สามารถเดินทางเข้าสู่ระบบหลักได้อย่างสะดวกรวดเร็วด้วย
“ภายในปลายปี63 โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวจะขยายเส้นทางเปิดให้บริการไปจนถึงสถานีปลายทางที่คูคตตามแผนที่กำหนดไว้ เพื่อให้การเดินทางระหว่าง 3 จังหวัด จากปทุมธานี ผ่านกรุงเทพฯไปยังสมุทรปราการเชื่อมต่อกันอย่างไร้รอยต่อ ตลอดระยะทาง 53 กม. ด้วยเวลาเพียง 1 ชั่วโมง 30 นาทีเท่านั้น”พล.ต.อ.อัศวิน กล่าว
อย่างไรก็ตามแม้ว่าปัจจุบันเราจะอยู่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 แต่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของเมืองเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนยังคงต้องเดินหน้าต่อไป เพื่อที่เมื่อวันที่วิกฤตนี้ผ่านพ้นไปแล้ว กรุงเทพฯจะพร้อมสำหรับการฟื้นฟูและก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างไม่สะดุด