

- กรุงไทย ยอมรับพบการโอน-จ่ายแบบผิดปกติจริง
- อยู่ระหว่างส่งข้อมูลให้สศค.ตรวจสอบ
นางสาวสุภัค ไชยวรรณ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบยอดผู้ลงทะเบียนในโครงการคนละครึ่ง ที่ไม่ผ่านการตรวจสอบและยอดผู้ได้รับสิทธิที่ถูกตัดสิทธิจากการไม่ใช้จ่ายภายใน 14 วันหลังจากได้รับข้อความ SMS เพื่อรวบรวมมาเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนใหม่ในเร็วๆ นี้
“ปัจจุบันจำนวนผู้ที่ลงทะเบียนครบ 10 ล้านคนนั้น มีการใช้จ่ายตามสิทธิ์ในโครงการคนละครึ่งแล้ว 2.6 ล้านคน คิดเป็นวงเงินรวมการใช้จ่ายสะสม 1,255.44 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 626.97 ล้านบาท และภาครัฐร่วมจ่ายอีก 598.47 ล้านบาท ยอดใช้จ่ายเฉลี่ย 229 บาทต่อครั้ง โดยจังหวัดที่มีการใช้จ่ายสะสมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สงขลา นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และเชียงใหม่ ตามลำดับ”
ทั้งนี้สศค.ยืนยันว่า หากประชาชนใช้จ่ายในแต่ละวันไม่ถึง 150 บาทในส่วนของภาครัฐร่วมจ่ายนั้น วงเงินที่เหลือจะไม่ถูกตัดออก โดยยังสามารถสมทบไปใช้ต่อในวันอื่นได้ แต่ต้องไม่เกินวันละ 150 บาทเท่านั้น ซึ่งหากประชาชนใช้จ่ายเต็มจำนวนที่รัฐช่วยออกให้วันละ 150 บาท ทุกวัน จะใช้สิทธิ์ได้ทั้งหมด 20 วัน แต่หากใช้ไม่ครบถึง 150 บาท ก็สามารถใช้จ่ายได้นานกว่า 20 วัน
ส่วนร้านค้านั้นปัจจุบันขอเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 400, 000 ร้านค้า ประกอบด้วย แบบหาบเร่แผงลอย 50,000 ราย แบบมีหน้าร้าน 170,000 ราย แบ่งเป็น ร้านอาหารและเครื่องดื่ม 125,539 ราย ร้านธงฟ้าประชารัฐ 42,399 ราย ร้านค้าโอทอป(OTOP) 10,593 ราย และร้านอื่นๆ 46,421 ราย โดยในจำนวนนี้ ลงทะเบียนสำเร็จแล้วกว่า 200,000 ราย และมีการใช้จ่ายจริงแล้ว 132,000 ราย
สำหรับกรณีร้านค้าไม่อยากเข้าร่วมโครงการ เพราะได้รับเงินโอนในส่วนของภาครัฐสมทบให้ล่าช้านั้น ที่ผ่านมากรมบัญชีกลางจะโอนเงินเข้าบัญชีร้านค้าในวันถัดไป แต่หากติดวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ หรือหยุดยาวจะโอนเงินให้ในวันทำการถัดไป ซึ่งกระทรวงการคลังพยายามปรับปรุงเงื่อนไขการโอนเงินในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ หรือหยุดยาวให้เร็วขึ้น เพื่อให้ผู้ค้ามีสภาพคล่องไวขึ้น
“การโอนเงินให้ร้านค้า ทุกวันนี้ก็ทำได้เร็วแล้ว คือในวันถัดไปที่มีการชำระสินค้ากัน แต่ในวันหยุด เราจะพยายามดูให้เร็วขึ้นกว่าเดิม แต่ปัญหาอยู่ คือต้องมีการตั้งงบประมาณเบิกจ่ายแบบรายวัน ไม่ได้เงินมาทั้งก้อนแล้วตัดออกจากระบบ จึงอาจทำให้ผู้ค้าต้องได้รับเงินในวันถัดไปหลังจากวันหยุดอยู่”นางสาวสุภัค กล่าว

ด้านนายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคาร กรุงไทย จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า กระทรวงการคลังกับธนาคารกรุงไทย ในฐานะผู้ดูแลระบบของโครงการคนละครึ่งได้มีการประสานงานอย่างใกล้ชิดเพื่อติดตามตรวจสอบพฤติกรรมหรือธุรกรรมที่ผิดปกติ โดยธนาคารกรุงไทย ได้นำระบบการป้องกันการทุจริตในกิจกรรมที่เกี่ยวกับการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ตามมาตรฐานสากลมาสนับสนุนโครงการเพื่อความโปร่งใสและตรวจสอบได้
ทั้งนี้หากพบพฤติกรรมหรือธุรกรรมที่ผิดปกติ หรือมีการใช้จ่ายที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขโครงการจะมีการระงับการใช้แอพลิเคชัน และระงับการจ่ายเงินทั้งฝั่งร้านค้าและประชาชนทันที โดยหากตรวจสอบพบว่าการใช้จ่ายผิดเงื่อนไขโครงการจริงจะดำเนินการตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดและกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
“ยอมรับว่าพบการชำระเงินและโอนเงินแบบผิดปกติขึ้นจริง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบร่วมกับสศค. และรอการประมวลผลอยู่ ซึ่งทุกๆ การใช้จ่ายเงินอิเล็กทรอนิกส์ ย่อมมีผู้ทำผิดอยู่แล้ว แต่ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในมาตรฐานการชำระและการจ่ายเงินด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ของไทย”นายผยง กล่าว