“ไพศาล” วิเคราะห์เลือกตั้ง 66 ชี้พรรคการเมืองซ้ายจัด-ขวาจัด พ่ายแพ้ยับเยิน! รทสช. เสียเสียงในค่ายทหาร



  • พรรคการเมือง2ลุงมีเสียงรวมกันไม่ถึง80เสียงพรรคที่เหลือมีรวมกันเกิน376เสียงสามารถเลือกนายกฯได้ไม่ต้องสนเสียงส.ว.
  • ชี้มีความเป็นไปได้สูงพิธาจะดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภาและขอโควต้ากรรมาธิการสำคัญในสภาเพื่อควบคุมการบริหารประเทศ
  • เผยความคิดที่จะทำให้การเลือกตั้งโมฆะหรือตั้งรัฐบาลช้างน้อยยุบพรรคน่าจะต้องเลิกล้มเพราะผลคะแนนจากประชาชนชัด

วันนี้ (15 ..66) นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมายอิสระ และอดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล..ประวิตรวงษ์สุวรรณโพสต์ข้อความผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก : Paisal Puechmongkol โดยแสดงความคิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง 2566 มีเนื้อหาดังนี้

ใครชนะปราชัยและใครเป็นรัฐบาลใหม่

พรรคการเมือง ซ้ายจัดและขวาจัดพ่ายแพ้ยับเยิน!!!!

พรรคโหนเจ้าอวดอ้างแอบอ้างเจ้า 2 พรรค พ่ายแพ้ยับเยิน ได้เสียงรวมกัน ไม่ถึง 40 เสียง 

ฉันทามติของประชาชน คือปิดฉากลุง

io ใหญ่ 3 ขบวน ที่สร้างความแตกแยกในแผ่นดิน ต้องปิดฉากและอาจถูกตรวจสอบต่อไป

พรรค ที่มุ่งปฏิรูปสถาบัน และทำตัวเป็นปากเสียงของนักล่าอาณานิคม พ่ายแพ้ยับเยิน ได้เสียงแค่ 150 เสียง ในขณะที่พรรคการเมืองทั้งหมด ที่ไม่เอาด้วยในเรื่องนี้มีคะแนนเสียงรวมกัน 350 เสียง

ฉันทามติของประชาชน ปิดสวิตช์ สวพรรคการเมืองของ 2 ลุง มีเสียงรวมกันไม่ถึง 80 เสียง พรรคที่เหลือทั้งหมดมีเสียงรวมกันเกิน 376 เสียง สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้โดยไม่ต้องอาศัยเสียง สว.

ขณะนี้ สวที่มีพื้นฐานจากบ้านใหญ่ และอย่างน้อยอีก 2 สาย จะเทคะแนนเสียงให้แก่พรรคการเมือง ที่มีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเคารพต่อฉันทามติของปวงชนชาวไทย

รทสช.พ่ายแพ้เลือกตั้งในเขตทหารเกือบทุกหน่วย หมายความว่า

กองทัพเป็นกลางทางการเมือง ไม่มีการสั่งการให้สนับสนุนลุง เหมือนที่มีการปล่อยข่าวลวงก่อนหน้านั้น

กองทัพ และผู้จงรักภักดีต่อสถาบัน ไม่สนับสนุนลุง นั่นคือลุงแพ้เลือกตั้ง แต่กองทัพและผู้จงรักภักดีต่อสถาบันไม่ได้ร่วมแพ้เลือกตั้งกับลุงด้วย 

ฉันทามมติของประชาชนทั่วประเทศไม่เอาพรรคการเมือง ที่มีจุดยืนปฏิรูปสถาบันอย่างชัดเจนที่สุด ซึ่งพรรคนั้นจะต้องยอมรับฉันทามตินี้

รัฐบาลหลังเลือกตั้งจะเป็นรัฐบาลผสม!!!!

พรรคก้าวไกลได้เสียงมากที่สุด มีสิทธิ์จัดตั้งรัฐบาลได้ก่อน แต่เพราะประกาศจุดยืน “มีเราไม่มีลุง” และเป็นปรปักษ์กับพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ดังนั้นจึงไม่สามารถรวบรวมคะแนนเสียงได้ 376 เสียง นายพิธา จึงยังเป็นนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ 2560 ไม่ได้!!!

จึงมีความเป็นไปได้อย่างสูงว่า นายพิธาจะดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภา และขอโควต้ากรรมาธิการสำคัญในสภา เพื่อควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน

แต่ประเทศมหาอำนาจอาจบงการจัดการให้ พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย และพรรคพันธมิตรของเพื่อไทย สนับสนุนให้ นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีก็ได้!!!

จะต้องจับตาการเคลื่อนไหวแทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทยของประเทศนักล่าอาณานิคมอย่างใกล้ชิดที่สุด!!!

ถ้าพรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ ก็เป็นวาระของพรรคเพื่อไทย!!!

พันธมิตรที่เตรียมกันไว้เดิมคือ เพื่อไทย ภูมิใจไทย พลังประชารัฐ ชาติไทยพัฒนา ประชาชาติ เสรีรวมไทย ไทยสร้างไทย ก็จะเป็นรัฐบาล โดยนายสุชาติ ตันเจริญ จะดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภา คุณเศรษฐา หรือคุณอุ๊งอิ้ง หรือลุงป้อมจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่เนื่องจาก พรรคพลังประชารัฐได้เสียงน้อยมาก ดังนั้น ลุงป้อมอาจยอมเป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกลาโหม โดยจะมี สวจำนวนหนึ่งให้การสนับสนุน

หัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ลาออกจากตำแหน่งแล้ว และเลขาธิการพรรค คงจะลาออกตาม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะน่าจะกลับมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค และอาจถูกเชิญให้ดำรงตำแหน่งรองนายกและรัฐมนตรีต่างประเทศ 

จับตาพลเอกประยุทธ์อาจจะลาออกจากการรักษาการ เพื่อแสดงความเคารพต่อฉันทามติของประชาชน ซึ่งลุงป้อมจะรักษาการนายกรัฐมนตรีต่อไป และตั้งคณะกรรมการปรองดองแห่งชาติขึ้น เพื่อฟื้นฟูความสามัคคีภายในชาติ ซึ่งจะเป็นการปรองดองให้กับพลเอกประยุทธ์ด้วย!!!!

และเมื่อพลเอกประยุทธ์ ไม่ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จึงเป็นไปได้ว่าพรรครวมไทยสร้างชาติจะไปรวมกับพรรคพลังประชารัฐหรือพรรคประชาธิปัตย์

6ความคิดที่จะทำให้การเลือกตั้งโมฆะหรือตั้งรัฐบาลช้างน้อยหรือยุบพรรคน่าจะต้องเลิกล้มไปตามฉันทามติของประชาชนและเพื่อความปลอดภัยของชาติบ้านเมืองและความสันติสุขของประชาชนต่อไป