- ธนาคารไทยพาณิชย์ปรับประมาณการเศรษฐกิจปีนี้จาก2.2%เพิ่มเป็น2.6%
- รับอานิสงส์ส่งออกฟื้นตัว-เม็ดเงินภาครัฐเข้าพยุงเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
- ท่องเที่ยวยังฟื้นตัวช้า-คาดเริ่มเห็นแสงสว่างไตรมาส4ปีนี้หรือต้นปีหน้า
ดร.ยรรยง ไทยเจริญ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงาน Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า EIC ปรับเพิ่มประมาณการ GDP ของไทยปี 2564 เป็น 2.6% จากเดิมที่ 2.2% ตามแนวโน้มการส่งออก ที่ขยายตัวได้ดีตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ดีกว่าคาด และจากเม็ดเงินภาครัฐที่สนับสนุนเศรษฐกิจต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวของกำลังซื้อในประเทศยังมีข้อจำกัดจากรายได้ภาคท่องเที่ยวต่างประเทศที่จะฟื้นตัวช้าและผลของแผลเป็นเศรษฐกิจที่กระทบต่อรายได้
ทั้งนี้เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวได้แข็งแกร่งมากขึ้น แต่จะมีความแตกต่างกันระหว่างประเทศต่าง ๆ ค่อนข้างมากตามความเร็วของการฉีดวัควีน COVID-19 และขนาดของมาตรการภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นสำคัญ EIC ประเมินเศรษฐกิจโลกในปี 2564 จะขยายตัว 5.6% ดีกว่าที่คาดไว้เดิมที่ 5.0% หลังจากที่หดตัว 3.5% ในปี 2563
สำหรับการส่งออกของไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวเร็วกว่าคาดตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก แต่ภาคการท่องเที่ยวยังมีแนวโน้มฟื้นตัวช้า โดยจากข้อมูลการส่งออกของประเทศต่าง ๆ ในช่วง 2-3 เดือนล่าสุด พบว่ามีการฟื้นตัวต่อเนื่องสะท้อนการฟื้นตัวที่ชัดเจนของเศรษฐกิจโลก ทำให้ EIC ปรับเพิ่มคาดการณ์มูลค่าส่งออกของไทยในปี 2564 เป็นขยายตัวที่ 6.4% จากเดิมที่เคยคาดไว้ที่ 4.0%
อย่างไรก็ตามภาคท่องเที่ยวของไทยยังมีแนวโน้มฟื้นตัวช้า โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้เพียง 3.7 ล้านคน เนื่องจากการเดินทางระหว่างประเทศจะฟื้นตัวได้อย่างชัดเจนก็ต่อเมื่อประเทศส่วนใหญ่มีภาวะภูมิคุ้มกันหมู่แล้ว (Herd immunity) โดยกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่มีโอกาสได้รับภาวะภูมิคุ้มกันหมู่ที่เร็วกว่าในช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3 ของปีนี้ กลับไม่ใช่กลุ่มนักท่องเที่ยวหลักของไทย โดยคาดว่าท่องเที่ยวจะฟื้นตัวชัดเจนในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้และต้นปีหน้า ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักของไทยจะทยอยมีภูมิคุ้มกันหมู่มากขึ้น
สำหรับเม็ดเงินจากภาครัฐเป็นปัจจัยหลักสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ผ่านการใช้จ่ายทั้งในส่วนของงบประมาณ และเม็ดเงินจาก พรก. กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท โดยในส่วนของการเบิกจ่ายในงบประมาณ EIC คาดว่าภาครัฐจะมีการลงทุนด้านการก่อสร้างเพิ่มขึ้นถึง 9.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากการก่อสร้างทั่วไปตามงบประมาณและโครงการเมกะโปรเจกต์เป็นสำคัญ
นอกจากนี้ ภาครัฐยังมีการช่วยเหลือเศรษฐกิจเพิ่มเติมผ่านการให้เงินเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งมาตรการล่าสุด ได้แก่ โครงการเราชนะ และ ม. 33 เรารักกัน ซึ่งมีวงเงินช่วยเหลือกว่า 250,000 ล้านบาท ครอบคลุมผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือกว่า 40 ล้านคน นับเป็นเม็ดเงินขนาดใหญ่จะที่ช่วยพยุงเศรษฐกิจในช่วงนี้ ขณะที่ในระยะต่อไป EIC คาดว่าภาครัฐจะมีมาตรการเพิ่มเติมซึ่งอาจเน้นด้านการลงทุนหรือการเตรียมความพร้อมเพื่อส่งเสริมการฟื้นตัวเศรษฐกิจเป็นหลัก โดยภาครัฐยังเหลือเงินที่จะพยุงเศรษฐกิจได้เพิ่มเติมอีกราว 390,000 ล้านบาท ซึ่งมีที่มาจาก 250,000 ล้านบาทที่เหลือภายใต้ พรก. กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท และจากงบกลางอีกราว 140,000 ล้านบาท
ส่วนนโยบายการเงิน คาดว่า ธปท. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% ตลอดปี 2564 รวมทั้งใช้มาตรการเฉพาะจุดร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการส่งผ่านนโยบายการเงินและจัดสรรสภาพคล่อง รวมถึงสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้และการจัดการกับหนี้
สำหรับค่าเงินบาท ณ สิ้นปี 2564 EIC คาดว่ามีแนวโน้มอ่อนค่าลงจากสิ้นปีก่อนมาอยู่ในช่วง 30-31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยส่วนใหญ่เป็นผลจากเงินดอลลาร์สหรัฐที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นเป็นสำคัญ เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ
