![จิรุตม์ พี่เอ๋](https://thejournalistclub.com/wp-content/uploads/2020/08/จิรุตม์-พี่เอ๋-696x463.jpg)
- รู้ยัง!ผู้ถือใบขับขี่ตลอดชีพอย่าชะล่าใจ
- ขนส่งจ่อเรียกมาทดสอบความพร้อมขับรถใหม่
- ป้องคนสูงอายุขับขี่แต่เป็นเหตุก่ออุบัติเหตุบนถนน
นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก(ขบ.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีผู้สูงอายุขับขี่รถยนต์และมีใบอนุญาตขับขี่แบบตลอดชีพ และขับขี่รถบนท้องถนนและหลายครั้งเป็นต้นเหตุของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนขึ้นนั้น ในเรื่องนี้ทาง ขบ. ได้มีแนวคิดที่จะมีการเรียกให้ผู้ขับขี่รถยนต์แบบตลอดชีพ กลับมาทดสอบสมรรถนะในการขับรถใหม่อีกครั้ง เนื่องจากทาง ขบ. มอว่า แม้จะได้ใบอนุญาตขับขี่แบบตลอดชีพ แต่เมื่ออายุมากขึ้น แต่สภาพร่างกาย เช่น การมองเห็น และ การได้ยิน อาจไม่สมบูรณ์เหมือนเก่าซึ่งก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้
อย่างไรก็ตามภายในสัปดาห์หน้าจะหารือร่วมกับนางจันทิรา บุรุษพัฒน์ รองอธิบดี ฝ่ายปฎิบัติการ กรมการขนส่งทางบก ให้จัดทำโครงการเรียกผู้ขับขี่รถและมีใบอนุญาตแบบตลอดชีพกลับมาทดสอบสมรรถนะการขับรถใหม่อีกครั้งกับขนส่งทางบก หรือเรียกว่า “recall” เพื่อให้ผู้ถือใบอนุญาตขับขี่แบบตลอดชีพ กลับมาแสดงตัวที่ขนส่งทางบกทั่วประเทศ และทำการทดสอบสมรรถภาพความพร้อมในการขับขี่อีกครั้ง โดยยืนยันว่า หากผู้ขับขี่รายใด ที่ยังมีสมรรถภาพร่างกายพร้อม ก็จะสามารถใช้ใบอนุญาตขับขี่ฉบับนั้นได้ต่อไป
แต่หากผู้ถือใบอนุญาตรายใด สภาพร่างกายไม่สามารถขับรถได้แล้ว และอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ ในการขับขี่บนท้องถนน ก่อให้เกิดอันตรายทั้งกับตัวเองและผู้ใช้รถอื่น ก็จะพิจารณาว่า จะต้องมีการยกเลิกใบอนุญาตของบุคคลนั้นหรือไม่ต่อไป ทั้งนี้ยอมรับว่ามาตรการดังกล่าวอาจจะกระทบสิทธิ์ของผู้ใช้รถที่ถือใบอนุญาตขับขี่ตลอดชีพบ้าง แต่ก็เป็นไปเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ของผู้ใช้รถส่วนรวม
นายจิรุตม์ กล่าวต่อว่า การยกเลิกไม่ออกใบอนุญาตขับขี่แบบตลอดชีพ ได้นำมาใช้ตั้งแต่ปี 46 อย่างไรก็ตามในปัจจุบันยังมีผู้ถือใบอนุญาตขับขี่ตลอดชีพอีกจำนวนมาก คาดว่าอาจเป็นล้านใบ ที่ยังถือใบอนุญาตขับขี่แบบตลอดชีพอยู่ ซึ่งก็เชื่อว่าจะสามารถตรวจสอบตัวเลขได้ชัดเจนจากโครงการ Recall ดังกล่าวด้วย โดยโครงการจะสามารถเริ่มต้นได้เมื่อใดนั้นจะพิจารณาช่วงเวลาที่เหมาะสมอีกครั้ง
” ขอย้ำว่าแนวปฏิบัติจะต้องมีการจัดชั้นอายุของผู้ที่จะเข้ารับการตรวจสมรรถภาพ แบ่ง เป็นกลุ่มตามช่วงอายุ เพื่อทยอยดำเนินการ ไม่ได้มีการเรียกมาตรวจครั้งเดียวจำนวนมาก รวมทั้งการตรวจจะต้องมีการนำแพทย์เข้ามาร่วมทดสอบในลักษณะ “fit to drive” ด้วย เพื่อให้ผลการตรวจเป็นที่ยอมรับ”นายจิรุตม์กล่าว