

เอ็กซิมแบงก์ชี้ดัชนีภาคส่งออกฟื้นตัว มีค่าสูงเกิน 100 เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ไตรมาส เผยโดยรวมส่งออกช่วง 9 เดือน ปี 66 หดตัวมากกว่าคาดที่ 3.8% ประเมินทั้งปีนี้จะหดตัวที่ลบ 1-2%
- ชี้ยังต้องติดตามประเด็นสงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส
- หากยืดเยื้อจะส่งผลต่อการฟื้นตัวและบรรยากาศการค้าโลก
- เผยสินค้าเกษตรและอาหารไทย ยังได้อานิสงส์จากความต้องการในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น
นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือเอ็กซิมแบงก์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ดัชนีชี้นำการส่งออกไทย หรือเอ็กซิม อินเด็กซ์ สิ้นไตรมาส 3 อยู่ที่ระดับ 100.04 เพิ่มขึ้นจาก 99.6 ในไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นดัชนีที่มีค่าสูงเกิน 100 เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ไตรมาส โดยสะท้อนมูลค่าการส่งออกของไทยไตรมาส 4 ปี 66 ว่า มีแนวโน้มกลับมาขยายตัวครั้งแรกรอบ 5 ไตรมาส จากแรงหนุนของเศรษฐกิจโลกที่ยังพอมีแรงส่ง ปัญหาซัพพลายเชนการผลิตที่คลี่คลายมากขึ้น ทั้งนี้ ยังต้องติดตามประเด็นสงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ซึ่งหากยืดเยื้อจะส่งผลต่อการฟื้นตัวและบรรยากาศการค้าโลก
“แม้การส่งออกของไทยในไตรมาส 4 ปี 66 มีแนวโน้มกลับมาขยายตัวได้จากหลายปัจจัย แต่ด้วยมูลค่าการส่งออกของไทยในช่วง 9 เดือนของปี 66 ที่หดตัวมากกว่าคาดที่ 3.8% ทำให้ เอ็กซิมแบงก์ มองว่าการส่งออกของไทยทั้งปี 66 จะหดตัวที่ลบ 1 ถึง 2% โดยโมเมนตัมการส่งออกที่มีสัญญาณดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4 จะช่วยหนุนให้การส่งออกปี67 มีแนวโน้มขยายตัว เป็นเครื่องจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้อีกครั้ง” นายรักษ์ กล่าว
นายรักษ์ กล่าวด้วยว่า รายละเอียดดัชนีอุปสงค์ปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 99.5 ในไตรมาสก่อนหน้ามาอยู่ที่ 100 ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปี สะท้อนว่าอุปสงค์ในตลาดโลกเริ่มทยอยฟื้นตัว โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐฯ และญี่ปุ่นที่ยังขยายตัวจากภาคบริการและตลาดแรงงาน สอดคล้องกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ที่ล่าสุดปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจทั้ง 2 ประเทศมาอยู่ที่ 2.0-2.1%
ส่วนดัชนีด้านอุปทานปรับลดลงจาก 101.3 มาอยู่ที่ 101.0 แต่ดัชนียังสูงกว่า 100 เป็นไตรมาสที่ 6 ติดต่อกัน สะท้อนปัญหาภาคการผลิตคลี่คลาย จากค่าระวางเรือที่ปรับลดลง 80% และปัญหาขาดแคลนชิปทั่วโลกที่ปรับตัวดีขึ้น
สำหรับดัชนีด้านราคาเพิ่มขึ้นจาก 99.1 มาอยู่ที่ 99.7 แต่ค่าดัชนียังต่ำกว่า 100 เป็นไตรมาสที่ 3 โดยเฉพาะราคาน้ำมันและราคาอาหารโลก ที่แม้จะขยับเพิ่มขึ้นในระยะสั้นจากปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ และการลดกำลังการผลิตน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย รวมถึงปรากฏการณ์เอลนีโญที่เริ่มส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตรในหลายพื้นที่ของโลก แต่หากเทียบกับปีก่อน น้ำมันและราคาอาหารโลกยังลดลงอยู่ 12%
ทั้งนี้ ได้ส่งผลให้การส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับราคาน้ำมัน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราว 15% ของมูลค่าส่งออกรวม ยังคงหดตัวต่อเนื่อง แต่ในส่วนของสินค้าเกษตรและอาหารของไทยยังได้อานิสงส์จากความต้องการในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นหลังหลายประเทศเร่งนำเข้าประเด็นความมั่นคงด้านอาหารจากภาวะภัยแล้ง สะท้อนได้จากปริมาณการส่งออกสินค้าหลายรายการที่ขยายตัวดีต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี อาทิ ข้าว ผลไม้ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ในด้านดัชนีด้านความเชื่อมั่นปรับเพิ่มขึ้นจาก 99.4 ในไตรมาสก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับ 99.7 แต่ค่าดัชนียังต่ำกว่า 100 เป็นไตรมาสที่ 5 ติดต่อกัน โดยได้รับแรงกดดันจากดอกเบี้ยและเงินเฟ้อที่ระดับสูง