
- ยอดเป้าที่ตั้งไว้โครงการนี้ที่ 600 คน
- มีผลพ้นสภาพพนักงาน 1 ม.ค. 64
- คาดทำให้ลดรายจ่าย-ลดการขาดทุนได้
- พร้อมเดินหน้าปรับองค์กรให้คล่องตัวขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) หรือ MCOT ที่ต้องเผชิญกับกระแสการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี หรือ ดิสรัป โดยได้เปิดโครงการร่วมใจจากองค์กร (Mutual Separation Plan : MSP) ประจำปี 2563 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการปรับลดกำลัง โดยล่าสุดหลังหมดเขตกำหนดยื่นสมัคร มีพนักงานขอเข้าร่วมโครงการกว่า 300 คนจากเป้าหมาย 600 คน
ทั้งนี้โครงการดังกล่าว อสมท ต้องการปรับลดจำนวนบุคลากรให้สอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจในอนาคต และสถานะทางการเงินขององค์กร ซึ่งเปิดให้พนักงานที่มีความประสงค์ที่จะเข้าร่วมโครงการร่วมใจจากองค์กร ต้องเป็นพนักงานที่มีอายุระหว่าง 45 ปีบริบูรณ์ ถึง 59 ปีบริบูรณ์ มีอายุงานตั้งแต่ 10 ปี ขึ้นไป และไม่อยู่ระหว่างถูกสอบสวนทางวินัยร้ายแรง สามารถยื่นใบสมัครเพื่อเข้าร่วมโครงการฯ ได้ตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค.-22 ต.ค.2563 และจะพ้นจากการเป็นพนักงานอสมท ในวันที่ 1 ม.ค.2564
สำหรับสิทธิประโยชน์ที่ผู้ที่เข้าร่วม คือ 1.ผลประโยชน์ตอบแทนพิเศษได้รับตามจำนวนปีที่ปฏิบัติงาน แต่สูงสุดไม่เกิน22 เท่าของเงินเดือนสุดท้าย 2.เงินชดเชยในการทำงานตามประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ตามระยะเวลาการปฏิบัติงาน (ประมาณ 10-13.33 เท่าของเงินเดือน เดือนสุดท้าย) และเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพตามข้อบังคับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
นายสิโรตม์ รัตนามหัทธนะ กรรมการ และรักษาการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท กล่าวว่า ภาพรวมของอุตสาหกรรมสื่อในปัจจุบัน โดยเฉพาะสื่อดั้งเดิมมีอัตราการเติบโตของรายได้ที่ลดน้อยลง ซึ่งเป็นผลมาจากDisruptive technology และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาใช้สื่อออนไลน์มากขึ้น ทำให้รายได้จากธุรกิจโทรทัศน์และวิทยุของ อสมท ลดลง ซึ่งส่งผลให้ อสมท เริ่มมีผลการดำเนินงานขาดทุนตั้งแต่ปี 59 เป็นต้นมา
“ขณะนี้มีพนักงานยื่นความประสงค์เข้าร่วมโครงการกว่า 300 คน โดยหลังจากนี้ อสมท จะคัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป” นายสิโรตม์ กล่าว
ทั้งนี้ภายหลังการดำเนินโครงการร่วมใจจากองค์กรเสร็จสิ้นในปลายปี 2563 อสมท ได้เตรียมปรับโครงสร้างองค์กรและกระบวนการทำงานให้มีความคล่องตัว สามารถรองรับการดำเนินธุรกิจในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทิศทางการดำเนินงานในปี 2564 อสมท จะมุ่งปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจเดิมเพื่อรักษารายได้และเรตติ้ง
รวมถึงจะสร้างแหล่งรายได้ใหม่ เพื่อการเติบโต เช่น การบริหารสินทรัพย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น ที่ดินย่านรัชดา-พระราม 9 เป็นต้น










