เฟดมีมติขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด ดันดาวโจนส์ปิดบวก 518 จุด



  • คณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25%
  • นักลงทุนซื้อหุ้นต่อเนื่อง มองเฟดขึ้นดอกเบี้ยไม่แรง มีผลดีเศรษฐกิจระยะยาว
  • ตลาดหุ้นสหรัฐคลายกังวล มองสงครามยูเครนมีโอกาสยุติ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 16 มี.ค.ที่ 34,063.10 จุด เพิ่มขึ้น 518.76 จุด หรือ +1.55%, ดัชนี เอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,357.86 จุด เพิ่มขึ้น 95.41 จุด หรือ + 2.24% และดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 13,436.55 จุด เพิ่มขึ้น 487.93 จุด หรือ +3.77%

ตลาดหุ้นสหรัฐดีดขึ้นต่อเนื่อง หลังคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น0.25% สู่ระดับ 0.25-0.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยเฟดระบุว่า สงครามในยูเครนและการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้สร้างความไม่แน่นอนต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งในระยะใกล้ ปัจจัยดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะเพิ่มแรงกดดันต่อเงินเฟ้อและเป็นปัจจัยถ่วงเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ เฟดระบุว่า การปรับขึ้นเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเป็นเรื่องที่มีความเหมาะสมในการสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี ขณะเดียวกันเฟดได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ตัวเลขเงินเฟ้อในปีนี้สู่ระดับ 4.3% และปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อในปี 2566-2567 สู่ระดับ 2.7% และ 2.3% ตามลำดับ

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่เฟดคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 6 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ซึ่งหมายความว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมทุกครั้งหลังจากนี้ และจะทำให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ที่ระดับ1.75-2.00% ในปลายปีนี้

นักลงทุนกลับมาซื้อหุ้นสะสมต่อเนื่อง โดยการปรับนโยบายการเงินสู่ระดับปกติอย่างค่อยเป็นค่อยไป จะเป็นผลดีกับเศรษฐกิจในระยะยาวในการดูแลเงินเฟ้อไม่ให้สูงเกินคาด

หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นขานรับเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ทะยานขึ้น 6.3% หุ้นเจพีมอร์แกนพุ่งขึ้น 4.45% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 3.11% หุ้นซิตี้กรุ๊ป พุ่งขึ้น 3.07% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ดีดขึ้น 2.99%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อหลังจากราคาหุ้นดิ่งลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา โดยหุ้นไมครอน เทคโนโลยี พุ่งขึ้น 8.97% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 4.01% หุ้นไมโครซอฟท์ บวก 2.527% หุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น3.16% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส พุ่งขึ้น 6.04% หุ้นแอปเปิล ดีดขึ้น 2.9%

อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงหลังจากราคาน้ำมัน WTI ร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 โดยหุ้นออกซิเดนเชียลปิโตรเลียม ดิ่งลง 2.82% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 2.30% หุ้นเชฟรอน ลดลง 0.38% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ปรับตัวลง0.41% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ลดลง 0.24%

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังได้รับแรงหนุนจากการเจรจารัสเซียและยูเครนที่มีความคืบหน้า โดยนายเซอร์เก ลาฟรอฟรมว.ต่างประเทศรัสเซีย กล่าวว่า ขณะนี้รัสเซียและยูเครนใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงบางส่วนในการเจรจาสันติภาพ หลังจากที่ยูเครนยอมตกลงที่จะหารือเกี่ยวกับสถานะประเทศเป็นกลาง โดยคำกล่าวของนายลาฟรอฟได้เพิ่มความหวังว่ารัสเซียจะยุติการทำสงครามในยูเครน