เปิดแผนงานผู้ว่ากฟผ. คนใหม่ ทุ่มลงทุน10 ปีรวม1ล้านล้านบาท



  • เฉลี่ยปีละ5.6 หมื่นล้านบาท
  • รุกธุรกิจใหม่รับชีวิตวิถีใหม่
  • นำร่องผลิตไฟฟ้าจากโซล่าร์เซลล์ลอยน้ำในเขื่อน

นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เปิดเผยหลังเข้ารับตำแหน่งผู้ว่ากฟผ .คนใหม่ คนที่ 15 พร้อมทีมผู้บริหารว่ากฟผ.ว่ากฟผ.ได้ตั้งงบลงทุน 10 ปี (ปี2564-2574) ไว้รวม 1 ล้านล้านบาท สำหรับลงทุนทั้งในธุรกิจเดิมและธุรกิจใหม่ ตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ(พีดีพี) ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 (ปี 2563-2580) ที่ต้องเน้นการปรับตัวให้สอดคล้องกับอุตสาหกรรมไฟฟ้าในยุคชีวิตวิถีใหม่(นิว นอร์มอล) แบ่งเป็นเงินลงทุนปีละประมาณ 56,000 ล้านบาทในสัดส่วนการสร้างโรงไฟฟ้าและพัฒนาธุรกิจใหม่ๆเฉลี่ย60% และอีก 40% จะเป็นการสร้างสายส่งไฟฟ้า

สำหรับแผนนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) 5.5 ล้านตันระหว่างปี 2563-2565 เพื่อใช้กับโรงไฟฟ้าของ กฟผ. ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา โรงไฟฟ้าพระนครใต้ จ.สมุทรปราการ หรือโรงไฟฟ้าวังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยาในปีหน้าจะดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนเข้าไปถือหุ้นในแหล่งผลิตแอลเอ็นจี ภายใน 4 ปีข้างหน้า เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานที่เข้าสู่กระบวนการต้นน้ำมากขึ้น

ขณะเดียวกันกฟผ.ก็จะเดินหน้าก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานรองรับก๊าซธรรมชาติ โดยทำคลังเก็บก๊าซลอยน้ำ(เอฟเอสอาร์ยู)ในอ่าวไทยตอนบน เพื่อรองรับการใช้งานของโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี ชุดที่ 1 และ 2 กำลังผลิต 1,660 เมกะวัตต์ ที่คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2570 อีกด้วย โดยล่าสุดกำลังจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(อีเอไอ)อยู่ คาดว่าไตรมาส 1ปีหน้าจะเสนอต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.)เพื่ออนุมัติการดำเนินงานและหลังจากนั้นจะประกาศหาผู้รับเหมาได้ทันที

ขณะเดียวกันในปีหน้ากฟผ.ยังจะเร่งก่อสร้างสายส่งไฟฟ้า 230 กิโลโวลต์ เชื่อมโยงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา รองรับการซื้อขายไฟฟ้าปริมาณ 300 เมกะวัตต์ ภายในปี2566 รวมถึงการพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าให้มีความทันสมัย จัดตั้งศูนย์พยากรณ์การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนของประเทศ ซึ่งสามารถพยากรณ์กำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนได้ละเอียดในระดับ 30 นาที จนถึงในอีก 7 วันถัดไปได้อย่างแม่นยำ

@นอกจากนี้ ยังจะมีการปรับปรุงโรงไฟฟ้าของ กฟผ. ให้มีความยืดหยุ่นมีความพร้อมจ่ายสูง จะเริ่มนำร่องที่โรงไฟฟ้าวังน้อยชุดที่ 4 ควบคู่กับการพัฒนาแบตเตอรี่กักเก็บพลังงานที่สถานีไฟฟ้าแรงสูงบำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ และสถานีไฟฟ้าแรงสูงชัยบาดาลจ.ลพบุรี เพื่อแก้ปัญหาคุณภาพไฟฟ้าในพื้นที่ที่มีพลังงานหมุนเวียนเชื่อมต่อเข้าระบบไฟฟ้าปริมาณมาก และเตรียมขยายไปสู่ธุรกิจใหม่ อาทิ ยานยนต์ไฟฟ้า(อีวี) ได้แก่สถานีอัดประจุไฟฟ้าฟ้าแบบเร็วขนาด 100 กิโลวัตต์ ธุรกิจสมาร์ทอีวีชาร์จเจอร์ขนาดเล็กแบบครบวงจรภายใต้แบรนด์วอลล์บ๊อกซ์(Wallbox) และธุรกิจซื้อขายเครดิตการผลิตพลังงานหมุนเวียน

ทั้งนี้กฟผ.ยังจะเดินหน้าหาพันธมิตรร่วมเป็นคู่ค้าในการดำเนินธุรกิจซื้อขายไฟฟ้าไปต่างประเทศให้มีความหลากหลายมากขึ้น เช่น ซื้อไฟฟ้าจากประเทศลาวขายผ่านระบบสายส่งไปประเทศมาเลเซีย 300 เมกะวัตต์ สิงคโปร์ 100 เมกะวัตต์ อีกทั้งล่าสุดยังอยู่ระหว่างเจรจาขายไฟไปยังประเทศกัมพูชา 300 เมกะวัตต์ ช่วยเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจเดิม เพื่อขีดความสามารถในการแข่งขันให้ธุรกิจ

นายบุญญนิตย์ กล่าวว่าในปีหน้ากฟผ.ยังมีแผนเปิดตัวโครงการผลิตไฟฟ้าจากทุ่นโซลาร์เซลล์ลอยน้ำในเขื่อนต่างๆ ของกฟผ. ตั้งเป้าหมาย 2,725 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นปี2564 นำร่องที่เขื่อนสิรินธร จ.อุบลราชธานี 45 เมกะวัตต์ ซึ่งสามารถทำได้ทันที ช่วยลดปัญหาการต่อต้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ๆ ในอนาคต ทั้งยังจะขยายธุรกิจให้บริการดูแลบำรุงรักษาของเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เบื้องต้นมีโรงไฟฟ้าในลาวเป็นลูกค้าหลัก