เซ็นทรัลพัฒนา ตอกย้ำผู้นำธุรกิจอสังหาฯ เข้าซื้อกิจการบมจ.สยามฟิวเจอร์ฯ จากเมเจอร์สัดส่วน 30.36%



  • ช่วยขยายพอร์ตศูนย์การค้าขนาดใหญ่ Super Regional Mall ของบริษัท
  • ผนึกธุรกิจในเครือกลุ่มเซ็นทรัล เดินหน้าขยายธุรกิจ คอมมูนิตี้ มอลล์ต่างๆ
  • คาดดำเนินการซื้อขาย-ชำระค่าหุ้นภายในเดือน ส.ค.64

วันที่ 5 ก.ค.2564 บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทย ตอกย้ำความแข็งแกร่งทางธุรกิจ ประกาศลงนามข้อตกลง (MOU) เกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นสามัญบริษัท สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ “SF” จากบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ “MAJOR” ในสัดส่วน 30.36% ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด ในราคาซื้อขายหุ้นละ 12 บาท คิดเป็นจำนวนเงินกว่า 7.7 พันล้านบาท

นายปรีชา เอกคุณากูล กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งก้าวที่สำคัญของเซ็นทรัลพัฒนา ในการสร้างการเติบโตทางธุรกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาวตรงตามแผนกลยุทธ์ที่วางไว้ โดยทางบริษัทมีความยินดีที่ลงนามข้อตกลงกับ MAJOR ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจของเซ็นทรัลพัฒนามายาวนาน และเชื่อว่า เป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นของเซ็นทรัลพัฒนา, SF และ MAJOR ทั้งหมด โดยเซ็นทรัลพัฒนาเล็งเห็นศักยภาพในธุรกิจของ SF ซึ่งจะช่วยขยายพอร์ตโครงการศูนย์การค้าขนาดใหญ่ระดับ Super Regional Mall ของบริษัท เพิ่มขึ้นเป็น 2 แห่ง คือ เซ็นทรัล เวสต์เกต และเมกาบางนา ซึ่งทั้งสองแห่งถือเป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จ

อีกทั้งยังต่อยอดการลงทุนร่วมกับอิเกีย ซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกของโลก ต่อไปในอนาคตได้ นอกจากนี้ ยังสามารถเติมเต็ม พอร์ต คอมมูนีตี้ มอลล์ และที่ดินรอการพัฒนา ในทำเลศักยภาพสูงทั้ง CBD ในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ในจังหวัดต่างๆ ด้วยการผนึกธุรกิจในเครือกลุ่มเซ็นทรัล เพื่อสร้างศูนย์กลางการใช้ชีวิต (Center of Life) ที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น สร้างความสามารถในการแข่งขันและขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจและสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีต่อไปในอนาคต

“เมื่อพิจารณาโครงสร้างเงินทุนของบริษัทที่แข็งแกร่ง สามารถบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพและอยู่ในกรอบนโยบายสัดส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น หรือ Net D/E ที่ต่ำกว่า 1 เท่า ภายหลังจากการลงทุนครั้งนี้ได้ โดยเซ็นทรัลพัฒนายังเดินหน้าพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบมิกซ์ยูสต่อไป และศึกษาโอกาสการลงทุนใหม่ๆ เพื่อประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ภายใต้เป้าหมายองค์กรในการ “มุ่งมั่นสร้างสรรค์สิ่งที่ดี เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน” นายปรีชา กล่าว

นายวิชา พูลวรลักษณ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเข้าทำรายการดังกล่าวเป็นการสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อธุรกิจของบริษัทและผู้ถือหุ้นทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เสริมความแข็งแกร่งเพื่อสนับสนุนแผนการขยายธุรกิจในอนาคตเพื่อต่อยอดความเป็นผู้นำธุรกิจโรงภาพยนตร์และศูนย์รวมความบันเทิงของลูกค้าทุกคนต่อไป และเป็นความยินดีอย่างยิ่งที่ได้พันธมิตรทางธุรกิจอย่างเซ็นทรัลพัฒนา ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน SF ในครั้งนี้