

- ปลูกกาแฟในพื้นที่สวนยางพารา
- ปลูกกาแฟแทนการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์บนดอย
- ลดการเผาเศษซากวัสดุหลังการเก็บเกี่ยว
นายอภัย สุทธิสังข์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมเรื่องการส่งเสริมการปลูกกาแฟเพื่อทดแทนการนำเข้าว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีความต้องการเมล็ดกาแฟ ประมาณ 80,000 ตัน (กาแฟสาร) โดยสามารถผลิตได้ภายในประเทศ 20,000 ตัน และเป็นการนำเข้าจากต่างประเทศ 60,000 ตัน ทั้งนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการส่งเสริมการปลูกกาแฟร่วมกับพืชชนิดอื่นเพื่อทดแทนการนำเข้า ได้แก่ การส่งเสริมการปลูกกาแฟในพื้นที่สวนยางพาราโดยร่วมกับการยางแห่งประเทศไทย

ผ่านโครงการพัฒนาอาชีพชาวสวนยางรายย่อยเพื่อความยั่งยืนซึ่งจะมีเงินอุดหนุนให้เกษตรกร ไร่ละ 10,000 บาท รายละไม่เกิน 10 ไร่ เพื่อลดพื้นที่ปลูกยางพาราและพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมใหม่ทดแทนการทำสวนยางพาราโดยมีแผนการส่งเสริมจำนวน 10,000 ไร่ผลผลิตคาดว่าจะได้รับ (กาแฟสาร) ประมาณ 3,000 ตันรวมถึงการส่งเสริมการปลูกกาแฟแทนการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์บนดอยเพื่อแก้ปัญหาหมอกควัน (PM 2.5) ที่เกิดจากการเผาเศษซากวัสดุหลังการเก็บเกี่ยวในพื้นที่เขตจังหวัดภาคเหนือ 17 จังหวัด เช่น ตาก น่าน เชียงใหม่ เพชรบูรณ์ ลำปาง และเชียงราย เป็นต้น มีแผนการส่งเสริมจำนวน 200,000 ไร่ผลผลิตคาดว่าจะได้รับ (กาแฟสาร)ประมาณ 60,000 ตัน
นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบหมายให้สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) จัดทำโครงการวิจัยต้นแบบการส่งเสริมการผลิตกาแฟทดแทนการนำเข้าอย่างครบวงจร แบ่งเป็น ระยะต้นน้ำ ด้านการพัฒนาพันธุ์ และเทคโนโลยีการผลิต ระยะกลางน้ำ ด้านเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว และการแปรรูป และระยะปลายน้ำ ด้านการตลาดด้วย