

- ปี2565 เศรษฐกิจไทยค่อยฟื้นตัว
- เปิดลงทะเบียนคนจน-นโยบายรถยนต์อีวีชัดเจน
- ชงครม.21 ธ.ค.มาตราการลดหย่อนภาษี กระตุ้นการใช้จ่าย
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวระหว่างเป็นประธานเปิดงาน ThailandSmart Money กรุงเทพฯ ครั้งที่ 12 ภายใต้แนวคิด “FINANCIALIMMUNITY ภูมิคุ้มกันทางการเงินว่า ในปี 2565 จะเป็นจุดเริ่มต้นการฟื้นตัวเศรษฐกิจ และจะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ 4% และในปี 66 จะมีแรงขับเคลื่อนจากภาคท่องเที่ยวเข้ามาเสริม จะทำให้มีแรงฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่มากขึ้น โดยวิกฤตโควิดนั้น ถือว่า เศรษฐกิจต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวนานอย่างน้อย 3 ปีนับต้องตั้งแต่เกิดวิฤต เนื่องจาก เป็นวิกฤตที่สร้างผลกระทบกับประชาชนฐานราก สังคมส่วนรวมภาคธุรกิจ ซึ่งต่างจากวิกฤตต้มยำกุ้งในปี 2540 และวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ในปี 2552 ที่ใช้เวลาเพียง 2 ปีในการฟื้นตัวอย่างเต็มที่
สำหรับปี 2565 เศรษฐกิจจะขยายตัวผ่าน 4 เครื่องยนต์หลัก ได้แก่ 1. การส่งออก ที่มีทิศทางขยายตัวต่อเนื่อง 2. เม็ดเงินจากภาครัฐที่จะเข้าสู่ระบบ 1ล้านล้านบาท มาจากเม็ดเงินจากงบประมาณลงทุนของภาครัฐ 600,000 ล้านบาท งบลงทุนรัฐวิสาหกิจ 300,000 ล้านบาท และอีก 1แสนล้านบาท จะมาจากพ.ร.ก.กู้เงินฉบับเพิ่มเติม ขณะนี้เหลืออยู่250,000. ล้านบาท
3.การลงทุนภาคเอกชน โดยปี 2563-2564 ที่ผ่านมา ภาคเอกชนมีการระดมทุนด้วยการออกหุ้นกู้สูงสุด เป็นอันดับ1ในอาเซียน และ 4. การบริโภค โดยรัฐจะเข้าไปสร้างความมั่นใจเพื่อให้เกิดความมั่นใจในการใช้จ่าย
ส่วนช่วงปี 2565 จะมีการต่ออายุมาตรการกระตุ้นการบริโภคหรือไม่นั้น ยังต้องดูสถานการณ์ก่อน หากเศรษฐกิจดีขึ้นกลไกดังกล่าวอาจต้องลดลง เพื่อให้ภาคเอกชนสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างเต็มที่ โดยในต้นปี 2565 จะมีการเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่แน่นอน ซึ่งเป็นการทบทวนผู้ได้รับสิทธิ และเพื่อเป็นการดูแลประชาชนระดับฐานราก รวมทั้ง จะมีความชัดเจนเรื่องนโยบายส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า(อีวี) ซึ่งจะเห็นความชัดเจนในต้นปี 2565
สำหรับมาตาการกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศนั้น อยู่ระหว่างพิจารณาทั้งมาตรการลดหย่อนภาษี การนำโครงการช้อปดีมีคืนมาใช้ เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อผู้มีรายได้ ส่วนการขยายโครงการคนละครึ่งระยะ 4 หรือไม่นั้น ต้องดูอัตราการใช้จ่ายของโครงการด้วย