“อาคม” ไฟเขียวสบน.กู้เงินต่างชาติ ยัน หนี้สาธารณะไม่ทะลุ 60% ต่อจีดีพี



  • กรอบเงินกู้พัฒนาเศรษฐกิจ 400,000 ล้าน กู้หรือไม่ก็ได้
  • ส่วนกรณีรายจ่ายสูงกว่ารายได้ต้องรอดูรายได้ว่าหายไปเท่าไหร่ก่อน
  • มองไทยอีก 5 ปีข้างหน้าจีดีพีจะโต 3-5%

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลังเปิดเผยหลังตรวจเยี่ยมสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) ว่า ปัจจุบันหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) อยู่ที่ 49.34% ซึ่งต่ำกว่ากรอบที่วางไว้ ส่วนกรณีมีคนเป็นห่วงว่าหนี้สาธารณะจะทะลุกรอบวินัยการเงินการคลังที่ 60 % นั้น ขอยืนยันว่า ถึงจะมีการกู้เงินตามพระราชกำหนด(พ.ร.ก.) เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ในอีก 5 ปีข้างหน้า หนี้สาธารณะก็จะไม่เกินกรอบวินัยการเงินการคลังที่กำหนดไว้ 60% ต่อจีดีพีแน่นอน

“ปัจจุบันยังมีกรอบวงเงินกู้ต่างประเทศตามแผนพ.ร.บ.การบริหารหนี้ปกติ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจอีก 400,000 ล้านบาท ส่วนมากเป็นโครงการที่ดำเนินการต่อเนื่อง ซึ่งวงเงินส่วนนี้จะกู้หรือไม่กู้ก็ได้ขึ้นอยู่กับความพร้อมของโครงการ ส่วนกรณีรายจ่ายสูงกว่ารายได้นั้น ปกติจะมีการกู้อยู่แล้วเมื่อปิดหีบปีงบประมาณ แต่จะกู้มากหรือน้อยกว่าที่กำหนดในพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) งบประมาณเท่าไหร่ ต้องดูว่ารายได้ขาดหายไปมากน้อยแค่ไหน”

นอกจากนี้ยังได้มอบหมายให้สบน.ศึกษาแนวทางการกู้เงินจากต่างประเทศ เพื่อกระจายแหล่งเงินกู้ เนื่องจาก​ในช่วงโควิด-19​ ความต้องการเงินในประเทศของภาคเอกชนปรับตัวสูงขึ้น โดยมีแนวทาง ดังนี้ 1.กู้เงินเพื่อใช้ในด้านเทคโนโลยี และดิจิตอล หรือด้านระบบขนส่งมวลชน​ ซึ่งจะต้องมีการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีขั้นสูงร่วมกัน

2.การลงทุนในโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ 3.โครงการที่เกี่ยวข้องกับด้านสังคม โดยเน้นด้านสุขภาพและสุขอนามัย ซึ่งมีโอกาสต่อยอดไปสู่การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพได้

และ4.การกู้เงินเพื่อปิดช่องว่างการขาดดุลงบประมาณ แต่ทั้งนี้จะต้องดูกระแสเงินสดของภาครัฐว่าเหลืออยู่เท่าใดด้วย

“ขณะนี้สถาบันระหว่างประเทศหลายแห่ง อาทิ ธนาคารโลก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ​ ธนาคารพัฒนาเอเชีย​ และ สถาบันจัดอันดับเครดิตต่างๆ มีความเห็นตรงกันว่า​ประเทศไทย ยังมีการลงทุนน้อย​ ดังนั้น​ควรกู้เงินเพื่อนำมาพัฒนาประเทศ โดยสบน.จะกู้เงินจากสถาบันการเงินระหว่างประเทศ มากกว่าตลาดเงินในต่างประเทศ”

ส่วนเรื่องภาพรวมเศรษฐกิจมองว่าในปีนี้เศรษฐกิจติดลบแน่นอนแต่น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ เพราะยังเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวไม่ได้ ซึ่งภาคท่องเที่ยวมีสัดส่วนคิดเป็น 12% ต่อจีดีพี ส่วนปี 2564 คาดว่าจีดีพีจะโตอยู่ที่ 4% ในขณะที่อีก 5 ปี ข้างหน้าเศรษฐกิจจะโตอยู่ที่ประมาณ 3-5%