“อาคม” ดันอีอีซี เป็นศูนย์กระจายสินค้า ปลอดอากร ใช้รอพักสินค้าเพื่อส่งออกประเทศที่ 3



  • ดึงเทคโนโลยีใช้ประเมินภาษีศุลกากร
  • ลดดุลพินิจพนักงานล้างข้อครหา
  • เข้มงวดเรื่องของผิดกฎหมาย

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวหลังจากมอบนโยบายกรมศุลกากรว่า ตอนนี้ได้ให้กรมศุลกากรดึงเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในกระบวนการจัดเก็บภาษีศุลกากร เพื่ออำนวยความสะดวกผู้ส่งออก-นำเข้า โดยเฉพาะการตรวจปล่อยสินค้าให้รวดเร็วมากขึ้น รวมทั้งยังลดการใช้ดุลพินิจของพนักงาน ที่มีข้อครหามาโดยตลอดเพื่อให้การจัดเก็บภาษีศุลกากรมีความโปร่งใสมากที่สุด

นอกจากนี้ยังเร่งให้กรมศุลกากรยกระดับการค้าชายแดน (Cross Border) เช่น พื้นที่โครงการ เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี เป็นต้น เป็นศูนย์กระจายสินค้า ซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งหรือเปลี่ยนถ่ายสินค้าระหว่างประเทศ ภายใต้แนวคิดเขตปลอดอากร (Free Zone)​ รวมทั้งจะให้กรมศุลกากรยกระดับด่านมาบตาพุด ให้เป็นสำนักงานศุลกากรมาบตาพุด ซึ่งจะช่วยให้เป็นแหล่งรอพักสินค้าเพื่อส่งต่อไปยังประเทศที่ 3 ได้สะดวกยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ในเรื่อง National Single Window (NSW) ที่เป็นระบบการบริการเชื่อมโยงข้อมูลหน่วยงาน ภาครัฐและภาคธุรกิจนั้น เป็นเรื่องที่ดำเนินการมานานแล้ว แต่ยังทำหน้าที่ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ จึงให้กรมศุลกากรประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อดูว่ายังติดขัดในส่วนใด เพื่อแก้ไขให้แล้วเสร็จภายในปี 2564 ตามข้อเรียกร้องของภาคธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ

“ทั้งนี้ยังสั่งให้กรมศุลกากรเข้มงวดเรื่องการป้องกันปราบปรามสิ่งผิดกฎหมาย และด้านสุขอนามัยจากพัสดุหีบห่อต่าง ๆ ที่จะเข้ามาในประเทศ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19”